คืบหน้าร้อยละ 80 งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

กรมประชาสัมพันธ์ 1มี.ค.-รองนายกฯเผยงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก คืบหน้าร้อยละ80ยึดตามโบราณราชประเพณี ตามพระราชกระแสรับสั่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่หรูหรา ฟุ่มเฟือย เกินไปกว่าที่เป็นพระราชประเพณีเดิม และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแนะนำระมัดระวังเรื่องการเคลื่อนย้ายผู้คนในระหว่างพิธี


วันนี้(1มี.ค.)กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เปิดดำเนินการศูนย์สื่อมวลชนสำหรับงานพระราชพิธีเป็นวันแรก ที่ชั้น1 อาคารหอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ พร้อมจัดแถลงข่าว ‘การเตรียมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก’ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายพิธีการ เป็นประธาน ร่วมด้วย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และนางทัศนีย์ ผลชานิโก รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ 


นายวิษณุ กล่าวว่า งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่กำลังจะมีขึ้นในอีก1เดือนข้างหน้านี้ ถือเป็นพระราชพิธีสำคัญที่ยิ่งใหญ่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสรับสั่งกับนายกรัฐมนตรีว่าขอให้จัดเพียงตามโบราณราชประเพณีเท่านั้นอย่าไปสร้างเสริมเติมแต่งอะไรขึ้นใหม่ให้หรูหรา ฟุ่มเฟือยหรือมากเกินไปกว่าที่เป็นพระราชประเพณีเดิม ให้ทำโดยรวบรัด ถ้าสามารถรวบรัดได้และคำนึงถึงการประหยัด หลักนี้เป็นหลักที่รัฐบาลรับใส่เกล้าใส่กระหม่อมมาและยึดแนวพระราชกระแสดังกล่าวมาโดยตลอด โดยพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา เรียกว่าพระราชพิธีเบื้องต้น พระราชพิธีเบื้องกลางและพระราชพิธีเบื้องปลาย  


สำหรับฝ่ายจัดพิธีการ มีการเตรียมการต่างๆ 1.เรื่องตราสัญลักษณ์ ซึ่งจะใช้ประทับลงบนคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ และมอบให้ กทม.นำไปประดับตกแต่งสถานที่และเส้นทางเสด็จฯ ตลอดจนธงพระราชพิธีที่มีพื้นสีเหลืองและตราสัญลักษณ์อยู่ตรงกลางและจัดทำเป็นเข็มที่ระลึก 2.เลือกพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อใช้ให้เหมือนกันทั้งประเทศ 3.เตรียมน้ำสำหรับใช้พิธีสรงมุรธาภิเษก โดยจะมีพิธีพลีกรรมวันที่ 6 เม.ย.นี้ 4.เตรียมน้ำศักดิ์สิทธิ์จากทุกจังหวัด สำหรับใช้เป็นน้ำอภิเษกและมีพิธีตักน้ำจากแหล่งศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 6 เม.ย.โดย 8-9 เม.ย.จะเชิญน้ำไปจัดเก็บในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละจังหวัด จากนั้นแต่ละจังหวัดจะเชิญไปเก็บไว้ที่ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยจัดเก็บในคนโทตราสัญลักษณ์ 

5.เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้แผ่นทองคำสำหรับใช้จารึกพระสุพรรณบัฏแกะดวงพระราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกร 6.เครื่องมือเครื่องใช้ก่อสร้างมณฑปพระกระยาสนาน ซ่อมเกยสำหรับที่จะเสด็จลงเสลี่ยงหรือพระราชยานก้าวลงประทับแล้วเสด็จฯเข้าสู่พระอุโบสถ และ7.การเตรียมเกี่ยวกับขบวนพยุหยาตรา ซึ่งในขบวนพยุหยาตราสถลมารคจะใช้เวลาทั้งหมด 4.30 ชั่วโมง ฝ่ายทหารได้เตรียมการส่วนนี้แล้ว ส่วนขบวนพยุหยาตราชลมารค จะมีช่วงปลายเดือนต.ค. เริ่มที่ท่าวาสุกรีไปยังวัดอรุณฯ และจะมีการเห่เรือตลอดเส้นทาง ระยะทาง 4 กิโลเมตร

นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า วันที่ 6 พ.ค.เสด็จออกสีหบัญชรประชาชนสามารถเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคลได้ที่ถนนสนามไชย สวนสราญรมย์ ศาลฎีกา ไปจนถึงสนามหลวง คาดว่าจะมีประชาชนนับแสนนับล้านร่วมเฝ้าชื่นชมพระบารมี โดย กทม.จะติดตั้งจอแอลอีดีให้ได้รับชมการถ่ายทอดสดพร้อมเพรียงกัน หลังจากนี้จะเสด็จรับคณะทูตถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นการเสร็จพระราชพิธีเบื้องกลาง 

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า งานพระราชพิธีครั้งนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงแนะนำให้ระมัดระวังเรื่องการเคลื่อนย้ายผู้คนระหว่างพิธีต่างๆ เนื่องด้วยพระราชวงศ์หลายพระองค์ รวมทั้งบุคคลสำคัญต่างๆ สูงอายุ การเดินจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งเป็นการเปลี่ยนจุดที่ละเอียดอ่อน จะต้องเป็นฝ่ายรอเฝ้าฯก่อนหรือตามไปเฝ้าฯทีหลังต้องได้จังหวะจะโคนที่พอดี 

‘ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการ และต้องเตรียมอย่างอื่น ขณะนี้ 7 อย่างที่เตรียมไว้เกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เกิน 80 เปอร์เซนต์ ยังจะมีบางเรื่องที่อาจจะต้องเตรียมเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป เมื่อได้รับพระราชทานพระราชวินิจฉัยลงมา’ รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนเรื่องการเชิญพระราชอาคันตุกะนั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเรื่องนี้ตกลงกันว่าจะไม่มีการเชิญ แต่ถ้าผู้ใดเสด็จหรือมา รัฐบาลก็จะรับเป็นแขกของรัฐบาลและต้อนรับอำนวยความสะดวกแต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับแจ้ง สำหรับนักท่องเที่ยวกับการมีส่วนร่วมในพระราชพิธีครั้งนี้นั้น เหมือนประชาชนเข้าไป สามารถเข้าไปอยู่ในหมู่ประชาชน และชมการถ่ายทอดทางสถานทีโทรทัศน์ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดตลอดทุกพิธี 

พล.ต.อ.อัศวิน ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า กทม.รู้สึกภาคภูมิใจ และเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีสำคัญนี้ โดย กทม.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้รับผิดชอบการอัญเชิญน้ำอภิเษก การจัดการเฝ้าทูลละออง ธุลีพระบาทในการเสด็จเลียบพระนคร การปรับภูมิทัศน์ เพื่อเตรียมการเฝ้ารับเสด็จ และภารกิจอื่นๆแบ่งเป็น 5 ด้าน ด้านกายภาพ ,ด้านปรับปรุงภูมิทัศน์ อาคาร สถานที่และถนน ,ด้านการบริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในการเสด็จเลียบพระนคร ,ด้านการรักษาความปลอดภัยและการจัดการจราจร และด้านการสนับสนุนการดำเนินงาน 

สำหรับในส่วนของการปรับปรุงภูมิทัศน์ กทม.เพื่อเตรียมการเฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กทม.ได้รับมอบหมายให้ดำเนินภารกิจ 1.ปรับปรุงซ่อมแซมผิวจราจร ทางเท้า คันหิน คอกต้นไม้ ไฟฟ้าแสดงสว่าง ระบบการระบายน้ำ ฝาท่อระบายน้ำ ป้ายต่างๆ ศาลที่พักผู้โดยสาร การทาสีตีเส้นเครื่องหมายจราจรในพื้นที่การจัดงานพระราชพิธีฯให้เรียบร้อยสวยงาม กว่า 20 เส้นทาง ขณะนี้มีความก้าวหน้าประมาณร้อยละ 75 

2.การจัดระเบียบสายไฟฟ้าและสายสื่อสาร ตลอดจนตู้อุปกรณ์ต่างๆ ในพื้นที่งานพระราชพิธีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้มีความก้าวหน้าประมาณร้อยละ 50 กำหนดแล้วเสร็จ 15 มี.ค.2562

3.การปรับปรุงซุ้มเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณถนนราชดำเนินนอก ถนนราชดำเนินกลาง และมุมพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน รวมทั้งสิ้น 32 ซุ้ม และจัดทำซุมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั่วพื้นที่ กทม.กว่า 106 ซุ้ม พร้อมธงประดับเสา 4,000 ชุด ขณะนี้ได้จัดทำแผนการดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กทม.จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในเดือน มี.ค.2562 

4.การประดับตกแต่งเมือง ได้แก่ การวางต้นไม้ ดอกไม้ประดับ การตกแต่งด้วยงานดอกไม้สดและการตัดแต่งกิ่งไม้ต้นไม้ ขณะนี้ได้ดำเนินการออกแบบและจัดทำรายละเอียดการประดับไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนเม.ย.2562 และจะดูแลให้คงสภาพไว้จนถึงประมาณวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 

5.การซ่อมแซมและทาสีโบราณสถานทั้งหมดที่อยู่ในเส้นทางการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รวม 12 แห่ง ประกอบด้วย โบราณสถานประเภทกำแพงและประตูเมือง บริเวณหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร 1 แห่ง โบราณสถานประเภทสะพาน7แห่ง โบราณสถานประเภทอนุสาวรีย์ 3 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่31มี.ค.2562 

6.โครงการแต้มสีกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นโครงการที่ประสานการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงและพัฒนาเมืองจากภาคเอกชน ทั้งโดยการสนับสนุนสีและการร่วมทาสีอาคารในถนนที่มีความเก่าแก่และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของกทม.ได้แก่ ถนนตะนาว ถนนสิบสามห้าง ถนนพระสุเมรุ ถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร และถนนเจริญกรุง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ กำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มี.ค.2562

ขณะที่พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่าการรักษาความปลอดภัยและการจราจร งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขณะนี้จัดทำร่างแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยึดหลักดำเนินการอย่างสมพระเกียรติ ปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติบูรณาการแผนปฏิบัติงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับการถวายความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยกำหนดพื้นที่ปฏิบัติงาน ได้แก่ พื้นที่ชั้นใน ชั้นกลาง และพื้นที่ชั้นนอก กำหนด 6 โซนเพื่อให้ประชาชนชื่นชมพระบารมี โดยจะผ่านจุดคัดกรองโดยรอบพื้นที่ ก่อนเข้าพื้นที่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 

ส่วนด้านการอำนวยความสะดวกการจราจร ช่วงพระราชพิธีเบื้องกลาง วันที่ 2-4 พ.ค. จะมีการปิดการจราจร พื้นที่ชั้นใน 8 เส้นทาง ได้แก่ ถนนราชดำเนินใน ถนนสนามไชย ถนนหน้าพระลาน ถนนหน้าพระธาตุ ถนนท้ายวัง ถนนหน้าหับเผย ถนนหลักเมือง ถนนสราญรมย์ นอกจากนี้ จะจัดจราจรเดินรถทางเดียวอีก 5 เส้นทาง จากนั้นวันที่ 5 พ.ค. เสด็จเลียบพระนคร จะยกระดับปิดการจราจร27เส้นทาง เพื่อรองรับประชาชนเฝ้ารับเสด็จ วันที่ 6 พ.ค.เสด็จสีหบัญชร จะลดระดับปิดจราจรเหลือ 17 เส้นทาง โดยจัดพื้นที่จอดรถรองรับประชาชนใน 4 มุมเมือง จำนวน 27 แห่ง ด้านทิศเหนือ ที่เมืองทองธานี ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ศูนย์ราชการ และสโมสรตำรวจ ทิศใต้ บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 4 เซ็นทรัลศาลายา เซ็นทรัลพระราม 2 ทิศตะวันออก บริเวณศูนย์การค้าเมกะบางนา ไบเทคบางนา และทิศใต้ บริเวณห้างเซ็นทรัลเวสเกต โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถชัตเตอร์บัสรับ-ส่งสู่บริเวณใกล้พื้นที่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 5 แห่ง ได้แก่ บ้านมนังคศิลา บ้านพิษณุโลก แยกวิสุทธิกษัตริย์ ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า และปากคลองตลาด เพื่อให้ประชาชนเดินเท้าต่อไปยังพื้นที่พระราชพิธีนอกจากเดินทางโดยรถแล้ว ประชาชนสามารถใช้ขนส่งระบบราง และทางน้ำได้ด้วย 

ด้านรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก กรมประชาสัมพันธ์ได้จัดทำข้อมูลพระราชพิธีในรูปแบบออนไลน์ 3 รูปแบบ1.เว็บไซต์ www.phralan.in.th  มาจากคำว่าพระลานพระราชวังดุสิต ซึ่งสามารถสืบค้นข้อมูลงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ผ่านหนังสือสำคัญ ๆ ที่บรรจุในรูปแบบอีบุ๊ก 4 เล่ม คือหนังสือพระราชพิธีบรมราชาภิเษกฉบับภาษาไทย มี 192 หน้า มีตั้งแต่พระราชประวัติ ความเป็นมาของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในอดีตมาถึงรัชกาลที่ 9 , หนังสือพระราชพิธีฉบับภาษาอังกฤษ, หนังสือประมวลบทความเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และหนังสือประมวลองค์ความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มี 143 หน้าที่ได้เปิดตัวแล้ว มีเนื้อหาพิเศษเกี่ยวพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลที่ 10 รวมถึงคลิปที่เกี่ยวข้องของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ,2.เพจเฟซบุ๊ก พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 มีเนื้อหาเช่นเดียวกับเว็บไซต์พระลาน และ 3.คิวอาร์โค๊ดและกูเกิ้ลไดรพ์ บรรจุข้อมูลต่างๆ ข้างต้นไว้ เพื่ออำนวยความสะดวก

นอกจากนี้ ในการแถลงข่าววันนี้ ยังถือเป็นการเปิดศูนย์สื่อมวลชนย่อย เปิดดำเนินการตั้งแต่วันนี้(1มี.ค.) ไปถึง 26 เม.ย.ณ อาคารหอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ก่อนย้ายไปเปิดศูนย์สื่อมวลชนหลักตั้งแต่วันที่ 27เม.ย.-6 พ.ค.ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยมีสายด่วนสอบถามข้อมูลงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โทร.1257เปิดให้ บริการ 10 คู่สาย และยังเตรียมสร้างความรู้ความเข้าใจพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแก่ประชาชน ให้เข้าใจความหมายและซาบซึ้งพระราชพิธีด้วย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ลอบวางระเบิด 2 จุด กลางตลาดโต้รุ่งเมืองปัตตานี

ปัตตานี 8 มิ.ย. – คนร้ายลอบวางระเบิดกลางตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี รถจักรยานยนต์เสียหาย 2 คัน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต วันที่ 8 มิ.ย.68 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มจำนวน ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 2 ลูก โดยจุดแรก วางระเบิดในถังขยะ หน้าร้านทอง บริเวณตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน และจุดที่ 2 วางระเบิดในถังขยะ บริเวณในซอยข้างโรงแรม หลังตลาดโต้รุ่ง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การก่อเหตุครั้งนี้ คาดว่าเป็นการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลข่าวสารที่หน่วย ส.จว.ปัตตานี ได้ออกข่าวแจ้งเตือนไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พ.ค.68 เวลา 15.00 น. ปรากฏข่าวสารว่า นายมะกอเซ็ง หม้าแอ สมาชิก ผกร.ระดับปฏิบัติการ และสมาชิกจำนวน […]

นายกฯ เผยหารือกัมพูชา ตกลงปรับกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ลดเผชิญหน้า

ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. – นายกฯ เผยหารือกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดการเผชิญหน้า เดินหน้าใช้กลไก JBC 14 มิ.ย.นี้ นำพาความสัมพันธ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ความพยายามคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติงานของทั้งระดับนโยบาย โดยรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง กองทัพ กระทรวงการต่างประเทศ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับค่ะ ดิฉันได้หารือกับรัฐบาลกัมพูชา มีข้อสรุปที่ส่งผลดีต่อสถานการณ์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะร่วมกันปรับกำลังทหาร ณ จุดที่มีการกระทบกระทั่ง เพื่อลดบรรยากาศการเผชิญหน้า และจะพัฒนาความร่วมมือโดยใช้กลไก JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ และจะมีการพูดคุยกันในทุกระดับ เพื่อนำพาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วค่ะ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อเท็จจริงจากรัฐบาล พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจนประสบผลสำเร็จต่อไป สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดคลายความกังวล และมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่า จะไม่มีเหตุกระทบกระทั่งที่รุนแรงเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ.-316-สำนักข่าวไทย

โฆษก ทบ. ยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลัง-กลบคูเลต ลดตึงเครียด

8 มิ.ย. – โฆษก ทบ. ยืนยันทหารกัมพูชายอมถอนกำลังกลับไปอยู่จุดเดิม พร้อมกลบคูเลตให้คืนสู่สภาพเดิม หลังบรรลุข้อตกลงการหารือ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก ลดความตึงเครียด วันนี้ (8 มิ.ย.68)​ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ท.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ได้เชิญฝ่ายทหารไทย โดย พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เข้าร่วมหารือ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับกรณีปัญหาการรุกล้ำดินแดนในพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบก จากการหารือเบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญ คือ ฝ่ายทหารกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการอยู่เดิม ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่เกิดเหตุปะทะ หรือแนวต้นพญาสัตบรรณ ลึกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา จุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยใช้เป็นแนววางกำลังฐานมาโดยตลอดในอดีต นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังแสดงความยินยอมที่จะดำเนินการกลบคูเลตให้กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติตามเดิม ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย เพื่อเป็นการลดความตึงเครียด และสร้างบรรยากาศแห่งความร่วมมือ ภายหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะใช้กลไกระดับคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เป็นช่องทางในการหารือแนวทางบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป.-313-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งกองกำลังสุรนารี ปรับเวลาเปิด-ปิด จุดผ่านแดนกัมพูชา 

8 มิ.ย.- เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาค 2 ลงนามคำสั่งให้อำนาจผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พิจารณาปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านถาวรและจุดผ่อนปรนการค้า 4 ด่าน มีผลทันทีเมื่อคืนนี้ กองทัพภาคที่ 2 ออกหนังสือคำสั่ง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ตามคำสั่งกองทัพบก เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังกำลังสุรนารีมีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี ดังนี้