คืบหน้าร้อยละ 80 งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

กรมประชาสัมพันธ์ 1มี.ค.-รองนายกฯเผยงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก คืบหน้าร้อยละ80ยึดตามโบราณราชประเพณี ตามพระราชกระแสรับสั่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่หรูหรา ฟุ่มเฟือย เกินไปกว่าที่เป็นพระราชประเพณีเดิม และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแนะนำระมัดระวังเรื่องการเคลื่อนย้ายผู้คนในระหว่างพิธี


วันนี้(1มี.ค.)กรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เปิดดำเนินการศูนย์สื่อมวลชนสำหรับงานพระราชพิธีเป็นวันแรก ที่ชั้น1 อาคารหอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ พร้อมจัดแถลงข่าว ‘การเตรียมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก’ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายพิธีการ เป็นประธาน ร่วมด้วย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และนางทัศนีย์ ผลชานิโก รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ 


นายวิษณุ กล่าวว่า งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่กำลังจะมีขึ้นในอีก1เดือนข้างหน้านี้ ถือเป็นพระราชพิธีสำคัญที่ยิ่งใหญ่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชกระแสรับสั่งกับนายกรัฐมนตรีว่าขอให้จัดเพียงตามโบราณราชประเพณีเท่านั้นอย่าไปสร้างเสริมเติมแต่งอะไรขึ้นใหม่ให้หรูหรา ฟุ่มเฟือยหรือมากเกินไปกว่าที่เป็นพระราชประเพณีเดิม ให้ทำโดยรวบรัด ถ้าสามารถรวบรัดได้และคำนึงถึงการประหยัด หลักนี้เป็นหลักที่รัฐบาลรับใส่เกล้าใส่กระหม่อมมาและยึดแนวพระราชกระแสดังกล่าวมาโดยตลอด โดยพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา เรียกว่าพระราชพิธีเบื้องต้น พระราชพิธีเบื้องกลางและพระราชพิธีเบื้องปลาย  


สำหรับฝ่ายจัดพิธีการ มีการเตรียมการต่างๆ 1.เรื่องตราสัญลักษณ์ ซึ่งจะใช้ประทับลงบนคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ และมอบให้ กทม.นำไปประดับตกแต่งสถานที่และเส้นทางเสด็จฯ ตลอดจนธงพระราชพิธีที่มีพื้นสีเหลืองและตราสัญลักษณ์อยู่ตรงกลางและจัดทำเป็นเข็มที่ระลึก 2.เลือกพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อใช้ให้เหมือนกันทั้งประเทศ 3.เตรียมน้ำสำหรับใช้พิธีสรงมุรธาภิเษก โดยจะมีพิธีพลีกรรมวันที่ 6 เม.ย.นี้ 4.เตรียมน้ำศักดิ์สิทธิ์จากทุกจังหวัด สำหรับใช้เป็นน้ำอภิเษกและมีพิธีตักน้ำจากแหล่งศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 6 เม.ย.โดย 8-9 เม.ย.จะเชิญน้ำไปจัดเก็บในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละจังหวัด จากนั้นแต่ละจังหวัดจะเชิญไปเก็บไว้ที่ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยจัดเก็บในคนโทตราสัญลักษณ์ 

5.เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้แผ่นทองคำสำหรับใช้จารึกพระสุพรรณบัฏแกะดวงพระราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกร 6.เครื่องมือเครื่องใช้ก่อสร้างมณฑปพระกระยาสนาน ซ่อมเกยสำหรับที่จะเสด็จลงเสลี่ยงหรือพระราชยานก้าวลงประทับแล้วเสด็จฯเข้าสู่พระอุโบสถ และ7.การเตรียมเกี่ยวกับขบวนพยุหยาตรา ซึ่งในขบวนพยุหยาตราสถลมารคจะใช้เวลาทั้งหมด 4.30 ชั่วโมง ฝ่ายทหารได้เตรียมการส่วนนี้แล้ว ส่วนขบวนพยุหยาตราชลมารค จะมีช่วงปลายเดือนต.ค. เริ่มที่ท่าวาสุกรีไปยังวัดอรุณฯ และจะมีการเห่เรือตลอดเส้นทาง ระยะทาง 4 กิโลเมตร

นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า วันที่ 6 พ.ค.เสด็จออกสีหบัญชรประชาชนสามารถเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคลได้ที่ถนนสนามไชย สวนสราญรมย์ ศาลฎีกา ไปจนถึงสนามหลวง คาดว่าจะมีประชาชนนับแสนนับล้านร่วมเฝ้าชื่นชมพระบารมี โดย กทม.จะติดตั้งจอแอลอีดีให้ได้รับชมการถ่ายทอดสดพร้อมเพรียงกัน หลังจากนี้จะเสด็จรับคณะทูตถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นการเสร็จพระราชพิธีเบื้องกลาง 

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า งานพระราชพิธีครั้งนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงแนะนำให้ระมัดระวังเรื่องการเคลื่อนย้ายผู้คนระหว่างพิธีต่างๆ เนื่องด้วยพระราชวงศ์หลายพระองค์ รวมทั้งบุคคลสำคัญต่างๆ สูงอายุ การเดินจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งเป็นการเปลี่ยนจุดที่ละเอียดอ่อน จะต้องเป็นฝ่ายรอเฝ้าฯก่อนหรือตามไปเฝ้าฯทีหลังต้องได้จังหวะจะโคนที่พอดี 

‘ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ต้องเตรียมการ และต้องเตรียมอย่างอื่น ขณะนี้ 7 อย่างที่เตรียมไว้เกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เกิน 80 เปอร์เซนต์ ยังจะมีบางเรื่องที่อาจจะต้องเตรียมเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป เมื่อได้รับพระราชทานพระราชวินิจฉัยลงมา’ รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนเรื่องการเชิญพระราชอาคันตุกะนั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเรื่องนี้ตกลงกันว่าจะไม่มีการเชิญ แต่ถ้าผู้ใดเสด็จหรือมา รัฐบาลก็จะรับเป็นแขกของรัฐบาลและต้อนรับอำนวยความสะดวกแต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับแจ้ง สำหรับนักท่องเที่ยวกับการมีส่วนร่วมในพระราชพิธีครั้งนี้นั้น เหมือนประชาชนเข้าไป สามารถเข้าไปอยู่ในหมู่ประชาชน และชมการถ่ายทอดทางสถานทีโทรทัศน์ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดตลอดทุกพิธี 

พล.ต.อ.อัศวิน ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า กทม.รู้สึกภาคภูมิใจ และเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีสำคัญนี้ โดย กทม.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้รับผิดชอบการอัญเชิญน้ำอภิเษก การจัดการเฝ้าทูลละออง ธุลีพระบาทในการเสด็จเลียบพระนคร การปรับภูมิทัศน์ เพื่อเตรียมการเฝ้ารับเสด็จ และภารกิจอื่นๆแบ่งเป็น 5 ด้าน ด้านกายภาพ ,ด้านปรับปรุงภูมิทัศน์ อาคาร สถานที่และถนน ,ด้านการบริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในการเสด็จเลียบพระนคร ,ด้านการรักษาความปลอดภัยและการจัดการจราจร และด้านการสนับสนุนการดำเนินงาน 

สำหรับในส่วนของการปรับปรุงภูมิทัศน์ กทม.เพื่อเตรียมการเฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กทม.ได้รับมอบหมายให้ดำเนินภารกิจ 1.ปรับปรุงซ่อมแซมผิวจราจร ทางเท้า คันหิน คอกต้นไม้ ไฟฟ้าแสดงสว่าง ระบบการระบายน้ำ ฝาท่อระบายน้ำ ป้ายต่างๆ ศาลที่พักผู้โดยสาร การทาสีตีเส้นเครื่องหมายจราจรในพื้นที่การจัดงานพระราชพิธีฯให้เรียบร้อยสวยงาม กว่า 20 เส้นทาง ขณะนี้มีความก้าวหน้าประมาณร้อยละ 75 

2.การจัดระเบียบสายไฟฟ้าและสายสื่อสาร ตลอดจนตู้อุปกรณ์ต่างๆ ในพื้นที่งานพระราชพิธีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้มีความก้าวหน้าประมาณร้อยละ 50 กำหนดแล้วเสร็จ 15 มี.ค.2562

3.การปรับปรุงซุ้มเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณถนนราชดำเนินนอก ถนนราชดำเนินกลาง และมุมพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน รวมทั้งสิ้น 32 ซุ้ม และจัดทำซุมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั่วพื้นที่ กทม.กว่า 106 ซุ้ม พร้อมธงประดับเสา 4,000 ชุด ขณะนี้ได้จัดทำแผนการดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กทม.จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในเดือน มี.ค.2562 

4.การประดับตกแต่งเมือง ได้แก่ การวางต้นไม้ ดอกไม้ประดับ การตกแต่งด้วยงานดอกไม้สดและการตัดแต่งกิ่งไม้ต้นไม้ ขณะนี้ได้ดำเนินการออกแบบและจัดทำรายละเอียดการประดับไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนเม.ย.2562 และจะดูแลให้คงสภาพไว้จนถึงประมาณวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 

5.การซ่อมแซมและทาสีโบราณสถานทั้งหมดที่อยู่ในเส้นทางการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รวม 12 แห่ง ประกอบด้วย โบราณสถานประเภทกำแพงและประตูเมือง บริเวณหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร 1 แห่ง โบราณสถานประเภทสะพาน7แห่ง โบราณสถานประเภทอนุสาวรีย์ 3 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่31มี.ค.2562 

6.โครงการแต้มสีกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นโครงการที่ประสานการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงและพัฒนาเมืองจากภาคเอกชน ทั้งโดยการสนับสนุนสีและการร่วมทาสีอาคารในถนนที่มีความเก่าแก่และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของกทม.ได้แก่ ถนนตะนาว ถนนสิบสามห้าง ถนนพระสุเมรุ ถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร และถนนเจริญกรุง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ กำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มี.ค.2562

ขณะที่พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่าการรักษาความปลอดภัยและการจราจร งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขณะนี้จัดทำร่างแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยึดหลักดำเนินการอย่างสมพระเกียรติ ปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติบูรณาการแผนปฏิบัติงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับการถวายความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยกำหนดพื้นที่ปฏิบัติงาน ได้แก่ พื้นที่ชั้นใน ชั้นกลาง และพื้นที่ชั้นนอก กำหนด 6 โซนเพื่อให้ประชาชนชื่นชมพระบารมี โดยจะผ่านจุดคัดกรองโดยรอบพื้นที่ ก่อนเข้าพื้นที่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 

ส่วนด้านการอำนวยความสะดวกการจราจร ช่วงพระราชพิธีเบื้องกลาง วันที่ 2-4 พ.ค. จะมีการปิดการจราจร พื้นที่ชั้นใน 8 เส้นทาง ได้แก่ ถนนราชดำเนินใน ถนนสนามไชย ถนนหน้าพระลาน ถนนหน้าพระธาตุ ถนนท้ายวัง ถนนหน้าหับเผย ถนนหลักเมือง ถนนสราญรมย์ นอกจากนี้ จะจัดจราจรเดินรถทางเดียวอีก 5 เส้นทาง จากนั้นวันที่ 5 พ.ค. เสด็จเลียบพระนคร จะยกระดับปิดการจราจร27เส้นทาง เพื่อรองรับประชาชนเฝ้ารับเสด็จ วันที่ 6 พ.ค.เสด็จสีหบัญชร จะลดระดับปิดจราจรเหลือ 17 เส้นทาง โดยจัดพื้นที่จอดรถรองรับประชาชนใน 4 มุมเมือง จำนวน 27 แห่ง ด้านทิศเหนือ ที่เมืองทองธานี ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต ศูนย์ราชการ และสโมสรตำรวจ ทิศใต้ บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 4 เซ็นทรัลศาลายา เซ็นทรัลพระราม 2 ทิศตะวันออก บริเวณศูนย์การค้าเมกะบางนา ไบเทคบางนา และทิศใต้ บริเวณห้างเซ็นทรัลเวสเกต โดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถชัตเตอร์บัสรับ-ส่งสู่บริเวณใกล้พื้นที่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 5 แห่ง ได้แก่ บ้านมนังคศิลา บ้านพิษณุโลก แยกวิสุทธิกษัตริย์ ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า และปากคลองตลาด เพื่อให้ประชาชนเดินเท้าต่อไปยังพื้นที่พระราชพิธีนอกจากเดินทางโดยรถแล้ว ประชาชนสามารถใช้ขนส่งระบบราง และทางน้ำได้ด้วย 

ด้านรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก กรมประชาสัมพันธ์ได้จัดทำข้อมูลพระราชพิธีในรูปแบบออนไลน์ 3 รูปแบบ1.เว็บไซต์ www.phralan.in.th  มาจากคำว่าพระลานพระราชวังดุสิต ซึ่งสามารถสืบค้นข้อมูลงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ผ่านหนังสือสำคัญ ๆ ที่บรรจุในรูปแบบอีบุ๊ก 4 เล่ม คือหนังสือพระราชพิธีบรมราชาภิเษกฉบับภาษาไทย มี 192 หน้า มีตั้งแต่พระราชประวัติ ความเป็นมาของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในอดีตมาถึงรัชกาลที่ 9 , หนังสือพระราชพิธีฉบับภาษาอังกฤษ, หนังสือประมวลบทความเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และหนังสือประมวลองค์ความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มี 143 หน้าที่ได้เปิดตัวแล้ว มีเนื้อหาพิเศษเกี่ยวพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลที่ 10 รวมถึงคลิปที่เกี่ยวข้องของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ,2.เพจเฟซบุ๊ก พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 มีเนื้อหาเช่นเดียวกับเว็บไซต์พระลาน และ 3.คิวอาร์โค๊ดและกูเกิ้ลไดรพ์ บรรจุข้อมูลต่างๆ ข้างต้นไว้ เพื่ออำนวยความสะดวก

นอกจากนี้ ในการแถลงข่าววันนี้ ยังถือเป็นการเปิดศูนย์สื่อมวลชนย่อย เปิดดำเนินการตั้งแต่วันนี้(1มี.ค.) ไปถึง 26 เม.ย.ณ อาคารหอประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ก่อนย้ายไปเปิดศูนย์สื่อมวลชนหลักตั้งแต่วันที่ 27เม.ย.-6 พ.ค.ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยมีสายด่วนสอบถามข้อมูลงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โทร.1257เปิดให้ บริการ 10 คู่สาย และยังเตรียมสร้างความรู้ความเข้าใจพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแก่ประชาชน ให้เข้าใจความหมายและซาบซึ้งพระราชพิธีด้วย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย