กรุงเทพฯ 1 มี.ค. – การบินไทยเผยขาดทุนปี 61 กว่าหมื่นล้านบาท พิษน้ำมันพุ่ง พร้อมแบกต้นทุนค่าซ่อมบำรุงเพิ่ม ตั้งเป้าระบายผู้โดยสารหมดภายใน 1-2 วัน จากปากีสถานปิดน่านฟ้า
นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากการประกาศปิดน่านฟ้าทำให้การบินไทยไม่สามารถทำการบินไปยังปากีสถานและเส้นทางในยุโรปได้ ล่าสุดการบินไทยเปลี่ยนเส้นทางการบินจากเดิมต้องผ่านปากีสถานเป็นผ่านทางจีนแทน ยอมรับว่าการบินไทยมีทางเลือกไม่มาก ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่น ปกติสามารถแทรกผู้โดยสารไปตามที่นั่งที่ว่างของสายการบินอื่น แต่ตอนนี้ไม่สามรถทำได้ เนื่องจากทุกสายการบินมีผู้โดยสารจำนวนมาก ซึ่งวิธีนี้ยอมรับว่าไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะมีผู้โดยสารจำนวนมาก ขณะที่บางส่วนได้ให้ผู้โดยสารเปลี่ยนจุดหมายปลายทาง เช่น บินไปท่าอากาศยานอินชอนแล้วทำการบินต่อไปยังจุดหมายปลายทางแทน ขณะที่การบินอ้อมน่านฟ้าการบินไทยสามารถบินได้ในเพดานบินที่สูงและตัวอากาศยานพร้อมรองรับ ทำให้สามารถบินผ่านจีนได้
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมการบินไทยจึงไม่สามารถทำการบินผ่านน่านฟ้าประเทศอื่นได้นั้น นายสุเมธ ระบุว่า สายการบินอื่นหากมีจุดหมายปลายทางเดิม เช่น ประเทศอิหร่านและตุรกี ก็จะสามารถทำการบินได้เลย เพราะมีเส้นทางการบินเดิมอยู่แล้ว ขณะที่การบินไทยไม่บินเส้นทางเหล่านี้ จึงต้องใช้เวลาในการเจรจา ประกอบกับเส้นทางจราจรการบินที่หนาแน่น ทำให้ไม่สามารถทำการบินได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้าว่าจะสามารถระบายผู้โดยสารหมดภายใน 1-2 วันนี้ เบื้องต้นสถานการณ์ล่าสุดมีผู้โดยสารตกค้างอีกประมาณ 2,000 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันเดียวกันนี้การบินไทยได้ประกาศผลการดำเนินงานปี 2561 ของกลุ่มบริษัทฯ (บริษัทฯ และบริษัทย่อย) มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 199,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยเป็นผลจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 19 จากราคาน้ำมันเฉลี่ยเพิ่มที่ขึ้นร้อยละ 30 ซึ่งแม้จะมีการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้นกว่าปีก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมันก็สูงขึ้นร้อยละ 7.3 จากค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยาน ค่าเช่าเครื่องบิน และค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 11,569 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.33 บาท ขณะที่ปีก่อนขาดทุนสุทธิกว่า 2,100 ล้านบาท โดยเป็นการขาดทุนจากการดำเนินงานกว่า 9,000 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนมีกำไรจากการดำเนินงานกว่า 2,800 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูธุรกิจปี 2561 เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทฯ หลุดพ้นจากปัญหาการขาดทุน และสามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยปี 2562 บริษัทฯ มีแผนที่จะสร้างรายได้อย่างเร่งรัด โดยจะดำเนินการหลายมิติ ได้แก่ การปรับปรุงฝูงบินให้ทันสมัยและสามารถแข่งขันได้ การปรับปรุงการบริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การบริการภาคพื้นจนถึงการบริการบนเครื่องบิน (Ground to Sky) การบริหารจัดการด้านการขายและการตลาด โดยเฉพาะด้าน Digital Marketing การหารายได้เสริม การเพิ่มขีดความสามารถและการขยายธุรกิจ เช่น โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงศักยภาพด้านบุคลากร และการจัดโครงสร้างทางการเงินให้เหมาะสมกับธุรกิจยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย