กรุงเทพฯ 28 ก.พ. – หอการค้าไทยเผยผลสำรวจพี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างหลายเหตุผลแบกภาระเหนื่อย ไร้เงินออม ด้าน SME D Bank ดึงพันธมิตรดันนวัตกรรม EV หวังยกระดับอาชีพรถจักรยานยนต์รับจ้าง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าผลการสำรวจสถานภาพผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์รับจ้าง โดยกรมการขนส่งทางบก ระบุจำนวนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ได้รับใบอนุญาตทั่วประเทศ 185,303 ราย ส่วนปัญหาที่ผู้ใช้บริการพบมาก ได้แก่ การทะเลาะวิวาท แย่งลูกค้าระหว่างวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างกับ Grab bike ความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน บอกค่าโดยสารเกินควร วินรถเถื่อนไม่มีใบอนุญาต บริการไม่สุภาพ และจอดรถบนทางเท้ากีดขวางทางจราจร
ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่ากว่าร้อยละ 70.06 จดทะเบียนถูกต้องมีรถเป็นของตัวเอง อายุเฉลี่ยของผู้ประกอบอาชีพนี้อยู่ที่ 39 ปี ทำอาชีพนี้มาแล้วเฉลี่ย 8 ปี แต่ละเดือนต้องขี่รถเพื่อหารายได้ถึง 25 วัน เฉลี่ยวันละ 41 เที่ยว เฉลี่ย 9 ชั่วโมงต่อวัน โดยยึดการขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นอาชีพหลัก เพียงอาชีพเดียวมีรายได้เฉลี่ย 974.81 บาทต่อวัน หรือ 24,370.25 บาทต่อเดือน แต่รายได้ดังกล่าวต้องนำไปดูแลสมาชิกครอบครัวเฉลี่ย 4 คน โดยไม่มีการวางแผนการออม เพราะมีภาระหนี้ประมาณ 185,858 บาท อัตราการผ่อนเฉลี่ย 5,266.30 บาทต่อเดือน ส่วนทัศนะเกี่ยวกับการกู้เงินในอนาคต กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 26.92 อยากกู้ในระบบเพื่อซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงความต้องการกู้ภายใน 1 ปี นับจากปัจจุบันกว่าร้อยละ 31.66 มีความต้องการจะกู้ เพื่อไปชำระหนี้เก่า ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเสริมสภาพคล่อง แทบทั้งหมดต้องการกู้ในระบบ วงเงินเฉลี่ย 230,889.49 บาท โดยกลุ่มที่ต้องการกู้ร้อยละ 53.02 ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ ด้วยเหตุผล ขาดหลักประกัน ไม่มีประวัติเคลื่อนไหวทางการเงิน และไม่รู้จะติดต่อธนาคารอย่างไร และผู้ประกอบอาชีพรถจักรยานยนต์รับจ้าง มีต้นทุนค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 11,633.64 บาทต่อเดือน โดย 3 อันดับแรก คือ ค่าน้ำมัน ค่าผ่อนรถจักรยานยนต์ และค่าเช่าเสื้อ ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวถือเป็นภาระหนักระดับปานกลางถึงหนักมาก รวมกันถึงร้อยละ 90.29 และส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้แอพพลิเคชันเพื่อบริการรับส่งผู้โดยสาร เนื่องจากมีขั้นตอนและระเบียบยุ่งยาก ใช้แอพพลิเคชันไม่เป็น และมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งการไม่ใช้แอพพลิเคชัน ส่งผลกระทบลูกค้าไม่เดินมาที่วิน และจำนวนลูกค้าลดลง ส่วนกลุ่มที่ใช้แอพพลิเคชันบริการลูกค้า บอกว่า มีรายได้เพิ่มขึ้น 1,741.95 บาทต่อเดือน และหากประสบอุบัติเหตุ หรือมีเหตุจำเป็นไม่สามารถขี่รถจักรยานยนต์ได้ชั่วคราว โดยบอกว่าจะกระทบปัญหาการเงินที่จะขาดรายได้
ส่วนกรณีหากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มีโครงการค้ำประกันเงินกู้โดย SME D Bank เพื่อซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่ เห็นว่าเป็นโครงการของภาครัฐที่น่าสนใจ ดอกเบี้ยถูก ลดค่าใช้จ่าย ได้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ โดยสามารถผ่อนได้สูงสุด 151.12 บาทต่อวัน พร้อมกันนี้มีการเสนอแนะต้องการภาครัฐดูแล คือ 1.ควบคุมราคาสินค้า เช่น ค่าน้ำมัน ค่าเช่าเสื้อวิน ค่าสินค้าทั่วไป เป็นต้น 2.ปรับราคาค่าโดยสาร 3.จัดระเบียบและบทลงโทษให้เคร่งครัด และ 4.สนับสนุนให้มีโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและเข้าถึงง่ายได้ก็เชื่อว่าอัตราค่ารถรับจ้างจะไม่แพงขึ้นและเชื่อว่าเมื่อเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าได้จะลดปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ให้น้อยลงด้วย
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากจำนวนผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างประมาณ 180,000 ราย ถือว่าอาชีพขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างมีความสำคัญ และควรยกระดับมาตรฐาน ทั้งด้านคุณภาพรถ บริการ และความปลอดภัย เนื่องจากต้องทำงานหนักเฉลี่ยขี่รถกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน ไม่มีสวัสดิการจากภาครัฐรองรับ เหลือรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเพียง 12,736.61 บาทต่อเดือน แต่มีภาระดูแลสมาชิกครอบครัวเฉลี่ยถึง 4 คนจนมีปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลัง ซึ่งธนาคารจะนำผลสำรวจ และข้อเสนอแนะจากกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างไปพัฒนามาตรการช่วยเหลือ เช่น ส่งเสริมความรู้ให้นำแอพพลิเคชันมาเพิ่มลูกค้า รวมถึงลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงและทางอ้อม
ทั้งนี้ SME D Bank ได้ร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ บสย. สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันยานยนต์ และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ร่วมสนับสนุนการใช้นวัตกรรมยานยนต์ (EV) หรือพาหนะไฟฟ้า ยกระดับปรับเปลี่ยนรถ สำหรับผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถขนส่งสาธารณะต่าง ๆ ช่วยลดต้นทุนค่าพลังงานและสร้างประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม ลดมลภาวะทางอากาศ และทางเสียง ด้วยโครงการ “3 เติม” ให้กับผู้ประกอบการด้านขนส่งสาธารณะใช้นวัตกรรม EV ยกระดับอาชีพ “เติมทักษะ” ผ่านการอบรมความรู้ต่างๆ “เติมทุน” ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ระยะกู้สูงสุด 7 ปี บุคคลธรรมดา อัตราดอกเบี้ย 3ปีแรกเพียงร้อยละ 0.42 ต่อเดือน ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาทต่อราย และหากยกระดับเป็นนิติบุคคล อัตราดอกเบี้ยจะถูกลงไปอีก โดย 3 ปีแรกเหลือเพียงร้อยละ 0.25 ต่อเดือนเท่านั้น ส่วนปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาทต่อราย สามารถใช้เป็นทุนหมุนเวียน ลงทุนนวัตกรรม และปรับปรุงธุรกิจให้มีความทันสมัย ที่จะสามารถเข้ามาช่วยเหลือเติมเต็มให้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างหันมาใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบได้มากขึ้นอนาคต.-สำนักข่าวไทย