กกต. 27 ก.พ.-“เรืองไกร” เร่ง กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.45 น. วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อขอให้ กกต.ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 ที่ระบุว่าบุคคลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ซึ่งใน (15) ระบุไว้ว่า เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
นายเรืองไกร กล่าวว่า การที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ตนมองว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ติดใจ แต่การเป็นหัวหน้า คสช. ตนมองว่าจะเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ อีกทั้งหลายฝ่ายเข้าใจว่าหัวหน้า คสช.นั้น เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ แต่ก็มีข้อโต้แย้งอยู่บ้างตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาระบุว่าเป็นเพียงตำแหน่งชั่วคราว จึงอยากให้เกิดความชัดเจนว่าข้อยุติเป็นอย่างไร
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า เมื่อปี 2543 กกต.เคยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐมาแล้ว ซึ่งศาลฯ วินิจฉัยไว้ส่วนหนึ่งว่า ตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ดังนั้นตำแหน่งหัวหน้า คสช. จึงอาจเทียบเคียงกับตำแหน่งผู้พิพากษาสมบท เนื่องจากหัวหน้า คสช.ได้รับเงินเดือน 75,590 บาท เป็นเงินอัตราเดียวกับประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อีกทั้งได้เงินเพิ่มอีก 50,000 บาท อย่างนั้นแล้วถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐอื่น ถือว่ารับเงินเกิน 3,000 บาทหรือไม่ ดังนั้นหากจะอธิบายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ พล.อ.ประยุทธ์ จะอธิบายได้อย่างไร
“นายวิษณุ ลองตอบให้ชัด ๆ ท่านจะใช้ความรู้กฎหมายใดมาตอบ ก็ไม่ว่า เรื่องอภินิหารทางกฎหมาย เราเก่งกันหลายคน แต่ในฐานะผมที่เป็นนักตรวจสอบ มองประเด็นดังกล่าวว่าเป็นปัญหาใหญ่ แล้วพอถึงเวลาเราไม่ได้ข้อยุติ แล้วบังเอิญว่าพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียงจนตั้งรัฐบาลได้ แล้วมีการเสนอชื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ วันนั้นผมก็รอซัดอีกหนึ่งดอก จะรอให้ถึงวันนั้นไหม ฉะนั้นวันนี้ กกต.ไม่ควรอยู่เฉย ควรจะรีบส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญไปวินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อความสง่างามในการทำงานในรัฐสภา ซึ่งประเด็นนี้คนที่จะตัดสินได้คือศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ผม หรือ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงคนในพรรคพลังประชารัฐ” นายเรืองไกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย