ดีเอสไอแจงเหตุเจ้าพนักงานที่ดินเสียชีวิต

ดีเอสไอ 30 ส.ค.-ดีเอสไอ แจงเจ้าพนักงานที่ดินพังงาใช้ถุงเท้าผูกคอเสียชีวิตระหว่างการควบคุม ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง   


พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ ) พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์ศรีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ พ.ต.ต.วรณัณ ศรีล้ำ ผู้อำนวยการสำนักบริหารคดี ร่วมแถลงข่าวกรณีนายธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาในคดีพิเศษที่ 44/2558 ของสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 157 ซึ่งอยู่ระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน ได้พยายามฆ่าตัวตายและเสียชีวิตที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ในเวลาต่อมา

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยจับกุมตัวนายธวัชชัย ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1165 / 2559 ในฐานความผิดดังกล่าว  เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา และนำส่งพนักงานสอบสวน สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เพื่อดำเนินคดีและนำตัวไปควบคุมตัวระหว่างการสอบสวนที่ส่วนควบคุมผู้ต้องหา โดยเจ้าหน้าที่ได้รับตัวไว้เพื่อรอพนักงานสอบสวนนำตัวไปขออำนาจฝากขังที่ศาลอาญาในวันนี้ (30 ส.ค.) แต่ตั้งแต่รับตัวไว้ควบคุมหลังการสอบสวน เมื่อเวลาประมาณ 15.45 น.ของวันที่ 29 ส.ค.ผู้ต้องหามีอาการวิตกกังวล เครียดและกระสับกระส่าย เจ้าหน้าที่ได้นำอาหารให้รับประทานก็รับประทานได้เพียงเล็กน้อย และเดินไปมาในห้องควบคุม


จากนั้นได้ล้มตัวลงนอน จนเวลาประมาณ 01.00 น.นายธวัชชัยแจ้งว่า แสงในห้องควบคุมสว่าง ทำให้นอนไม่หลับ ขอให้เจ้าหน้าที่ปิดไฟ แต่ตามระเบียบไม่สามารถปิดไฟในห้องควบคุมได้ นายธวัชชัยจึงนอนบนที่นอน โดยใช้ผ้าคลุมบริเวณหน้า และนอนตะแคง เจ้าหน้าที่เห็นว่านายธวัชชัยพักผ่อนแล้ว จึงตรวจตราตามปกติ

ต่อมาในเวลาประมาณ 02.00 น.เจ้าหน้าที่เดินกลับมาตรวจที่หน้าห้องควบคุมอีกครั้ง เห็นว่าผู้ต้องหานั่งหันหลังพิงประตู จึงเคาะประตูเรียก แต่ผู้ต้องหาไม่ตอบ จึงรีบเปิดประตูเข้าไปพบว่าผู้ต้องหาได้ใช้ถุงเท้าผูกกับขอบบานพับประตูห้องควบคุม แต่ยังมีลมหายใจอยู่ จึงพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต และรีบนำส่ง รพ.มงกุฎวัฒนะ เพื่อให้ความช่วยเหลือ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 02.30 น. แต่ผู้ต้องหาได้เสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 04.45 น.

รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงานที่ต้องมีการชันสูตรพลิกศพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงแจ้งให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินการตามกฎหมาย และเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง พร้อมกับมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ดีเอสไอยืนยันได้วางมาตรการควบคุมผู้ต้องขังเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด


นอกจากนี้ อธิบดีดีเอสไอสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่ามีเจ้าหน้าที่ละเลยการปฎิบัติหน้าที่จนทำให้ผู้ต้องขังผูกคอตายหรือไม่ โดยขณะควบคุมตัวมีเจ้าหน้าที่ดูแล  3 คน ห้องคุมขังเป็นห้องแอร์ในช่วงกลางคืนทำให้อากาศหนาว ผู้ต้องขังจึงสวมถุงเท้าและใช้ถุงเท้าผูกคอกับบานพับประตู โดยในห้องคุมขังไม่มีกล้องวงจรปิด แต่ระหว่างการสอบสวนดีเอสไอดำเนินการตามกฎหมายทุกขั้นตอน มีญาติของผู้ต้องหาร่วมรับฟังการสอบสวนอยู่ด้วยจนถึงช่วงเย็น หลังการสอบสวนแล้วเสร็จผู้ต้องหายังตอบแบบสอบถามระบุความพึงพอใจในการปฎิบัติหน้าที่ของดีเอสไอ

ด้าน พ.ต.ท.ประวุธ  กล่าวว่า เมื่อผู้ต้องหาเสียชีวิตในส่วนของคดีอาญาต้องจำหน่ายถือเป็นที่สิ้นสุด ส่วนผู้ต้องหารายอื่นที่ยังอยู่ในเรือนจำต้องดำเนินคดีต่อไป ซึ่งการเสียชีวิตของผู้ต้องหาไม่กระทบต่อรูปคดีเพราะได้สอบสวนแล้วเสร็จคดีมีพยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งนายธวัชชัยหลบหนีคดีมาตั้งแต่ปี 2546 หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดจนถูกไล่ออกจากราชการ

ทั้งนี้ นายธวัชชัย เป็นอดีตข้าราชการกรมที่ดินในตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายทะเบียน สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ดำรงตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจากราชการในตำแหน่ง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาท้ายเหมือง และตกเป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษ กรณี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร้องขอร้องดีเอสไอดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนที่บุกรุกอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของประเทศที่มีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ จนมีการสอบสวนและออกหมายจับนายธวัชชัยในคดีดังกล่าว

หลังแถลงข่าว ดีเอสไอเปิดให้ดูห้องขัง โดยนายชยพล หวานชะเอม หัวหน้าผู้ควบคุมผู้ต้องหา ซึ่งเฝ้าผู้ต้องหาในช่วงที่เกิดเหตุ กล่าวว่า  ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ตรวจสอบ เห็นผู้ต้องหาพักผ่อนแล้ว ตนจึงเตรียมไปอาบน้ำ โดยนายธวัชชัยเป็นโรคความดัน และอายุ 66 ปี ดีเอสไอจึงได้แจ้งญาติให้อยู่เฝ้าได้ แต่ญาติอยู่จนเย็นก็เดินทางกลับ และไม่อยู่เฝ้าจนกระทั่งเห็นนายธวัชชัยในท่านั่ง และอยู่ในท่าเดิมนานเรียกไม่ขานจึงเข้าไปดู และพบว่านายธวัชชัยได้พยายามฆ่าตัวตายจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล

นายชยพล กล่าวอีกว่า กรณีนายธวัชชัย ที่ญาติไม่อยู่เฝ้า ตนจึงได้ให้อยู่ในห้องขัง 6008 ที่อยู่ใกล้ห้องเจ้าหน้าที่ที่สุด สำหรับห้องขัง ดีเอสไอมีทั้งหมด 16 ห้อง  แยกขังห้องละคน เนื่องจากไม่ได้ผู้ต้องขังหนาแน่น เป็นห้องขังระหว่างสอบ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทำแผนโจรชิงทอง 123 บาท สารภาพเป็นหนี้นอกระบบ

สมุทรปราการ 20 ส.ค.- โจรชิงทองกลางห้างดังสมุทรปราการ 123 บาท ทำแผนรับสารภาพกู้เงินมาลงทุนร้านซ่อมรถ เสียดอกรายวันแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงก่อเหตุ  กรณีนายวีรวัฒน์ อายุ 31 ปี บุกเดี่ยวควงปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ  ก่อนจะอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีเส้นทางที่ไร้กล้องวงจรปิด โดยเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีไปทิ้งบ่อปลาแห่งหนึ่งในซอยวัดคอลาด แล้วหลบหนีต่อไป จึงไล่เรียงเบาะแสจนพบหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เมื่อวาน (19 ส.ค.) จึงนำหมายค้นบ้านนายวีรวัฒน์ พร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับของกลางทองรูปพรรณซุกซ่อนไว้ในตู้ลำโพงหน้าบ้าน และใส่ในถุงพลาสติกฝังดินใต้ต้นไม้ข้างบ้าน รวมตรวจยึดทองคืนได้ประมาณ 90 บาท ยังเหลือทองคำอีก 33 บาท อยู่ระหว่างสอบขยายผล  ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมมาลงทุนร้านซ่อมรถและต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท จึงหมุนเงินไม่ทัน จากนั้นคิดวางแผนในการก่อเหตุ ประมาณ 1 […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]

ศบ.ทก.​ ยืนยันคลิปทหารกัมพูชาของจริง​ ชี้​ชัดละเมิดข้อตกลงใช้ทุ่นระเบิด

ทำเนียบ 20 ส.ค.-ศบ.ทก.​ ยืนยันคลิปทหารกัมพูชาเป็นของจริง​ ชี้​ชัดละเมิดข้อตกลงใช้ทุ่นระเบิด ขัดอนุสัญญาออตตาวา เตรียมยื่นหลักฐานศุกร์นี้ ย้ำพื้นที่บ้านหนองจาน​ จ.สระแก้ว​ เป็นอธิปไตยไทย​ 100% หลังปี​ 2518 ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามฆ่าล้าง​เผ่าพันธุ์​ แต่ไม่ยอมกลับ​ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม​ และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ประจำวันพุธที่ 20 สิงหาคม​ 2568 พลเรือตรี​สุร​สันต์​ กล่าวว่า​ สถานการณ์ชายแดนทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ ขณะที่การตรวจพบโทรศัพท์มือถือของฝ่ายกัมพูชา โดยกองทัพเรือ ได้พบหลักฐานสำคัญ​ ยืนยันว่าทหารกัมพูชา​ใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN 2 บริเวณภูมะเขือ สืบเนื่องมาจากวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม​ กองทัพเรือ ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติการกู้ระเบิดและกวาดล้างในพื้นที่ภูมะเขือ​ จังหวัดศรีสะเกษ ของกองร้อยทหารราบที่ 132 กองพันที่ 13 ฐานเหนือเมฆ​ ได้ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว […]