กรุงเทพฯ 24 ก.พ.- ผบช.น.สั่งตั้งผู้บังคับบัญชาตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีผู้ต้องหาหลบหนีจากห้องคุมขัง สน.มีนบุรี เกิดจากความประมาทหรือจงใจของเจ้าหน้าที่เวรห้องคุมขัง ขณะที่ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวคาดยังกบดานในพื้นที่
หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ ทราบชื่อเวลาต่อมา นายอิสรา เลาะมณี อายุ30 ปี หลบหนีออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหาเมื่อเวลา 19.32 น.ของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่าน ก่อนจะเดินออกจากสน.อย่างลอยนวล
กล้องวงจรปิดด้านหน้าห้องควบคุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ตัวสามารถเก็บภาพไว้ได้ แต่ตำรวจมาทราบเรื่องราวอีกครั้งในเวลาเที่ยงคืนในคืนเดียวกัน จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถติดตามตัวนายอิสรา กลับมาดำเนินคดีได้
ซึ่งบรรยากาศวันนี้เป็นวันอาทิตย์ บรรยากาศเงียบเหงา มีตำรวจเข้าเวรประจำการณ์ ที่สน.เพียงไม่กี่นาย ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีดังกล่าว ตำรวจทุกนายต่างปฏิเสธไม่ขอให้ข้อมูล ขอให้ถามทางผู้บังคับบัญชา
ขณะที่ พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผู้กำกับการสถานีตำรวจมีนบุรี ไม่ได้เดินทางมาที่สน.เนื่องจากเป็นวันหยุด โดยบอกกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ ขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวผู้ต้องหา เชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ประกอบกับมีหมายจับติดตัวในคดีลักทรัพย์กว่า 10 หมาย เชื่อว่าสามารถจับตัวได้ แต่ขอเวลาให้ตำรวจทำงานอีกสักระยะ
ส่วนประเด็นผู้ต้องหาหลบหนีออกจากห้องควบคุมได้อย่างไรนั้น ทางผู้กำกับการ สน.มีนบุรี ระบุว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบ ซึ่งขณะเกิดเหตุในห้องควบคุมมีผู้ต้องหารายนี้เพียงรายเดียว และอาจจะอาศัยช่วงจังหวะที่สิบเวรเผลอหลบหนีออกมา ขณะนี้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคดีทางอาญากับนายตำรวจที่มีหน้าที่รับผิดชอบในข้อหา “กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาที่อยู่ในการควบคุมหลบหนี ” ซึ่งตามกฎหมายจะมีเวลา 90 วัน ในการตามตัวคนร้ายกลับมาดำเนินคดี ส่วนโทษทางวินัยจะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาโทษ ซึ่งโทษที่ได้รับเบื้องต้นคือขัง 30 วัน แต่ถ้าหากตามตัวผู้ต้องหากลับมาได้ตามเวลาที่กำหนด ก็จะพิจารณาโทษอีกครั้งตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ด้าน พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุกองบัญชาการตำรวจนครบาลไม่ได้กำชับมาตรการป้องกันผู้ต้องหาหลบหนีออกจากห้องขังอะไรเป็นพิเศษ แต่ได้สั่งให้ สน. มีนบุรี ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากความประมาทหรือจงใจ ก่อนส่งรายงานมาให้ทราบ.-สำนักข่าวไทย