ก.ท่องเที่ยวฯ 31 ส.ค. – กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมมือหลายหน่วยงานลุยแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ปราบปรามอย่างจริงจัง ตั้งเป้าภายในปีนี้
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายสุธรรม เดชดี รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ร่วมแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าข่ายทัวร์ต้นทุนต่ำหรือทัวร์ศูนย์เหรียญ และจับกุมบริษัทต่างชาติที่ใช้คนไทยเป็นตัวแทนหรือนอมินีในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เพื่อจัดระบบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีความโปร่งใสตามนโยบายของภาครัฐ สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยอย่างแท้จริง
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า กระทรวงฯ เตรียมมาตรการรองรับการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ โดยในวันที่ 19-22 กันยายนนี้ องค์การส่งเสริมท่องเที่ยวของประเทศจีน (ซีเอ็นทีเอ) ได้ขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย เพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจ สร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวไทย-จีน พร้อมให้ข้อมูลแก่ฝั่งจีนเกี่ยวกับบริษัททัวร์ที่เอาเปรียบนักท่องเที่ยวจีน
ขณะเดียวกันเตรียมแผนรองรับนักท่องเที่ยวจีนตกค้าง หากมีการอายัดทรัพย์สิน บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ในข้อหาร่วมกันกระทำการเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล (อั้งยี่) และร่วมกันทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่ง โอเอ เป็นบริษัทที่รับนักท่องเที่ยวจีนจากแทบทุกบริษัททัวร์ที่นำนักท่องเที่ยวจีนมาไทย ซึ่งมีรถทัวร์อยู่ในความครอบครองกว่า 3,000 คัน รวมถึงเตรียมแก้ไข พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ให้อำนาจคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวฯ กำหนดราคาขั้นต่ำของบริการท่องเที่ยว หากบริษัทใดขายราคาต่ำกว่ากำหนด สามารถเรียกมาตรวจสอบได้ทันที
ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พบนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวไทยประมาณ 3.25 ล้านคน รายได้ท่องเที่ยวในแต่ละครั้งต่อคน 48,000บาท สร้างรายได้ต่อปี 360,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่เข้าสู่ไทยอย่างมหาศาล ปัจจุบันปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญสร้างความเสียหายทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยทั้งระบบ ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้เร่งปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างจริงจัง พบบริษัทรายใหญ่อย่างน้อย 7 ราย มีสั่งเพิกถอนใบอนุญาต และใช้ยาแรงด้วยการยึดทรัพย์จนไม่สามารถกลับมาประกอบธุรกิจได้อีก ดังนั้น การทำงานต้องบูรณาการ ทั้งกรมการท่องเที่ยว กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตลอดจนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมจับกุมธุรกิจมืด ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 80 มั่นใจสิ้นปีนี้ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป. – สำนักข่าวไทย