กรุงเทพฯ 11 ก.พ.- พนักงานสอบสวนตั้งข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”กับดาบตำรวจ สืบสวนนครบาล 4 และตำรวจอาสา คดียิงนักศึกษาเทคโนฯย่านบางกะปิเสียชีวิต ตรวจสอบประวัติเคยถูกจับคดีครอบครองอาวุธปืนและยาเสพติด
พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผู้กำกับ สน.มีนบุรี เปิดเผยความคืบหน้าตำรวจนครบาล 4 ยิง นศ.เทคโนฯ ย่านบางกะปิเสียชีวิต ว่าวันนี้จะไม่มีการสอบปากคำฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ขั้นตอนหลังจากนี้จะเรียกทั้ง 2 ฝ่ายเข้ามาสอบปากคำ เพื่อให้ความเป็นธรรม รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนผลการสอบจะออกมาเป็นอย่างไรต้องรอสรุปสำนวนเสียก่อน เบื้องต้นขอเวลาให้ตำรวจได้ทำงานอีกสักระยะ ส่วนกรณีตำรวจชุดสืบสวนนครบาล 4 อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น ต้องรอผลการยืนยันจากต้นสังกัดก่อน
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจากตำรวจชุดกองกำกับการสืบสวนนครบาล 4 ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดมากจากย่านโชคชัย ก่อนควบคุมตัวมาขยายผลล่อซื้อยาเสพติด บริเวณ ถ.เคหะร่มเกล้า โดยในขบวนรถคันแรกเป็นรถของหัวหน้าชุด คันที่สองเป็นรถของทีมงานตำรวจ ได้ขับล่วงหน้าไปก่อน และคันสุดท้ายเป็นรถกระบะที่ มี ด.ต.วิรัตน์ ชีตารัตน์ เป็นผู้ขับขี่ และมี ด.ต.เอกกวี วงศ์ชนะ ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ที่กระบะท้าย และมี รถจยย.ของอาสาประกบมา 3 คัน โดยเป็นรถของผู้ต้องหาคดียาเสพติด 1 คัน ระหว่างทางบริเวณจุดเกิดเหตุได้ถูกกลุ่มรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ซึ่งกลับจากงานเลี้ยงของสถาบัน ได้ขี่เข้ามาตีคู่ที่กระบะด้านหลังและมีการด่าทอกัน จากนั้นกลุ่มผู้ตายได้ถามว่า “ใครด่าแม่กู “ จากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์ไปปาดหน้ารถกระบะคันที่สามที่ควบคุมตัวผู้ต้องหา ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปที่รถของตำรวจ ซึ่งมีร่องรอยของหัวกระสุนฝังอยู่ภายในตัวถังและที่ยางล้อรถ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถกระบะพุ่งชน เพื่อสกัด รถจยย.ของผู้ตายเพื่อระงับเหตุ ซึ่งรถคันดังกล่าวมีนายเอ(นามสมมติ) อายุ 17 ปี เป็นผู้ขับขี่ และมีนายเอกชัย บุญรัตน์ อายุ 22 ปี ผู้ตายนั่งซ้อนท้ายมา และจะเข้าจับกุมตัว แต่ผู้ตายได้ยิงปืนโต้ตอบตำรวจ ตำรวจจึงตัดสินใจยิงสวน จนกระทั่งทราบภายหลังว่ามีผู้เสียชีวิต
ต่อมาหัวหน้าชุดจับกุมที่ใส่เสื้อสีแดงตามคลิปที่ปรากฎได้ขับรถกลับมาดูที่ท้ายขบวนและเรียกให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เจ้าของพื้นที่ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ซึ่งระหว่างนั้นกลุ่มเพื่อนของผู้ตายได้กรูเข้ามาจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเข้าใจว่าชายเสื้อสีแดง ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดจับกุมเป็นคนทำร้าย โดยในระหว่างที่ชุลมุนกันอยู่นั้น ตำรวจนายดังกล่าวเห็นว่าจะเป็นอันตราย เพราะกลุ่มเพื่อนของผู้ตายเริ่มประชิดตัวเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีอารมณ์โกรธแค้นจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าสองนัด และพูดว่า “ใครเข้ามากูยิง “ แต่สถานการณ์ไม่ดีขึ้นจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงสวนออกไปเพื่อเปิดทางหนี ซึ่งไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ทั้งนี้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด 4 ตัว ไม่สามารถเปิดดูภาพได้ จึงได้ส่งไปกู้ข้อมูลที่กองพิสูจน์หลักฐาน และขณะเดียวกันได้ให้ ด.ต.เอกกวี วงศ์ชนะ ตำรวจกก.สส.บก.น.4 ไปตรวจคราบเขม่าปืนที่กองพิสูจน์หลักฐาน เนื่องจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. และ 11 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
รายงานข่าวยังแจ้งอีกว่านายชวลิต ปานขาว อาสาตำรวจ รับว่าตนได้ยิงผู้ตายจริง โดยตนได้มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดต่อล่อซื้อยาเสพติด บริเวณ ถ.เคหะร่มเกล้า เมื่อรถ จยย.มาถึงที่เกิดเหตุพบ ผู้ตายนั่งซ้อนท้าย รถจยย.ผ่านมา และใช้อาวุธปืนยิง มาที่รถจยย.ของตน และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ตำรวจขับมา จึงได้ใช้อาวุธปืนออโตเมติก ยิงตอบโต้ไปที่ผู้ตาย
ส่วนนายวิฑูรย์ แซ่แต้ อายุ 35 ปี อาสาตำรวจที่มาพร้อมกับตำรวจ ซึ่งได้รับบาดเจ็บถูกยิงเข้าที่บริเวณขาซ้าย อาการปลอดภัยแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”กับนายชวลิต และด.ต.เอกกวี ซึ่ง ด.ต.เอกกวี ได้ให้การปฏิเสธ และให้การอีกว่า ได้ปฏิบัติไปตามหน้าที่ นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายเอกชัย ผู้ตาย มีประวัติถูกจับกุมในพื้นที่สน.หัวหมาก เมื่อปี 2558 ในคดีครอบครองอาวุธปืน และคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ปี 2561 หลบหนีการเกณฑ์ทหารในพื้นที่สน.ประเวศ.-สำนักข่าวไทย