กรุงเทพฯ 6 ก.พ. – มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยประชาชนห่วงปัญหาฝุ่นพิษลากยาว 3 เดือน ทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจากวิกฤติปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา พบว่าประชาชนมีความกังวลว่าสถานการณ์ปัญหาอาจจะยืดเยื้อไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม จากเดิมคาดว่าจะยุติกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยที่ผ่านมาประชาชนมีค่าใช้จ่ายจากวิกฤติปัญหาฝุ่นเฉลี่ยคนละ 594 บาทต่อเดือน แต่หากปัญหายืดเยื้อออกไปถึง 6 เดือน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะเพิ่มขึ้นเป็น 802 บาทต่อเดือน หรือรวม 6 เดือน มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4,812 บาท ต่อคน สำหรับใช้ในการดูแลสุขภาพอนามัย เช่น ซื้อหน้ากากอนามัย และซื้อสินค้าที่ดีมีคุณภาพ เพื่อดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่าหากวิกฤติฝุ่นคลี่คลายลงในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้มูลค่าความเสียหายจะอยู่ระหว่าง 8,000-10,000 ล้านบาท จากภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อหน้ากากอนามัย ค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และโรคระบบทางเดินหายใจ การสูญเสียเงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าหน้ากากรุ่น N95 การสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยว และการสูญเสียงบประมาณของรัฐ แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ มูลค่าความเสียหายจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10,000 – 15,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือเสียหายรวม 20,000 – 40,000 ล้านบาท เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย