ทำเนียบฯ 31 ม.ค.-นายกฯ พบกลุ่มเกษตรกร มอบสมุดปกขาวขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สู่แนวทางการปฏิบัติ ยันรัฐบาลเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้ประชาชน แก้ปัญหาการเกษตร-ที่ดินทำกิน ทำมากกว่าทุกรัฐบาล ชี้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ปัญหาให้ประชาชน วอนเกษตรกรอย่าให้ใครหาประโยชน์ทางการเมืองโดยเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้พบกับเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนรายย่อย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สู่แนวทางการปฏิบัติ Local Economy in Action และรับฟังการนำเสนอและรับมอบสมุดปกขาวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สู่แนวทางปฏิบัติจากตัวแทนกลุ่มบริหารจัดการน้ำชุมชน ตัวแทนเกษตรกรสภาเกษตรกรแห่งชาติ กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนรายย่อย เป็นต้น
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “นโยบายรัฐบาลในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ว่า ดีใจที่ได้มาพบปะกับตัวแทนเกษตรกร ซึ่งการมาพบกันลักษณะนี้ ดีกว่าจะไปยืนชุมนุมนอกรั้วทำเนียบรัฐบาล ซึ่งการเมืองไม่อาจแก้ปัญหาทุกอย่างได้ แต่อยู่ที่ทุกคนจะร่วมมือกัน ขณะนี้มีศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด จะรวบรวมข้อเสนอจากเกษตรกร เสนอให้กระทรวงมหาดไทย เป็นข้อมูลต่อไป จึงอยากให้ใช้ช่องทางนี้ ทั้งนี้มีหลายเรื่องที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว แต่มีคนมาพูดบิดเบือน ทำให้เข้าใจว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย ดังนั้นขออย่าไปฟัง
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีคนรับคำท้าจะไปอยู่ชายแดนกับตน ซึ่งเรื่องของชายแดน ไม่ได้มีแต่เพียงการสู้รบตามแนวชายแดน ยังมีปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหาค้ามนุษย์ ปัญหาการลักลอบขนสินค้าหนีภาษี และปัญหายาเสพติด แต่มีการไปพูดกันทำให้เกิดความเข้าใจผิด เป็นประเด็นการเมือง ยืนยันรัฐบาลเข้ามาเพื่อที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ
ขณะที่การแก้ปัญหาที่ดินทำกิน นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ที่ดิน สปก.นำไปขายต่อไม่ได้ แต่บางพื้นที่อาจไม่เหมาะกับการทำการเกษตร ต้องพยายามปลดล็อก แต่เกษตรกรก็ยังไม่ยอม จะทำการเกษตรทั้งที่ไม่เหมาะสม และเมื่อได้รับความเดือดร้อน ก็มาร้องรัฐบาลให้ช่วย ส่วนปัญหาการเช่าที่ดินทำกินที่ร้องเรียนว่ายังเป็นอุปสรรคของเกษตรกร เนื่องจากหากยังต้องเช่าที่ดิน จะเกิดต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นนั้น ขอให้ร้องเรียนไปยังภาครัฐหากถูกรังแกโดยไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม เกษตรกรต้องกล้าเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งนี้อยากให้ข้าราชการท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัดมีข้อมูลในพื้นที่ของตนเองนำไปสู่การแก้ปัญหาให้ถูกจุด และต้องกล้าที่จะแก้ปัญหาทุจริต หากมีข้อมูลต้องกล้าที่จะแจ้งความ
“ปัญหาการเกษตร เป็นส่วนหนึ่งของหลายปัญหาในประเทศที่ต้องขับเคลื่อนกันไป อย่าแย่งกันคิด อย่าแย่งกันทำ อย่าให้ใครมาใช้ชื่อเกษตรกรมาหาประโยชน์ทางการเมืองโดยเด็ดขาด และหากไม่ทำตามแนวทางที่รัฐบาลวางไว้ จะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ร้อยเปอร์เซนต์ ขอยืนยันว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็ต้องพูดแต่ปัญหาแบบเดิม แต่ไม่ได้ทำทั้งระบบ เหมือนแนวทางนี้ อย่างเรื่องน้ำ เรื่องที่ดิน อย่าไปฟังใครเขาพูดว่าจะทำให้ได้ครบครอบคลุม ทั้งที่รัฐบาลนี้มา 4-5 ปี ทำมาตลอด ทำมากกว่าทุกรัฐบาล ยังไม่สามารถทำได้ครอบคลุม ดังนั้นขอเกษตรกรอย่าตกเป็นเครื่องมือฝ่ายการเมือง และอย่าให้มีการนำเรื่องบริหารจัดการน้ำมาเป็นเรื่องการเมือง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ทำให้คนตกใจทั้งประเทศ มีการใช้ประเด็นนี้มาโจมตีทางการเมือง กล่าวหาว่าดีแต่พ่นน้ำ ทั้งที่มีหลายมาตรการดำเนินการแล้ว ตั้งด่านตรวจสอบรถบรรทุกก่อนเข้ากรุงเทพฯ ติดสติกเกอร์รถยนต์ที่วิ่งได้และห้ามวิ่ง รวมถึงการให้รถเก่าที่ใช้น้ำมันดีเซล หรือรถวิ่งวันคู่-คี่ การพิจารณามาตราการที่จะนำมาใช้ต้องดูผลกระทบกับคนที่มีรายได้น้อยด้วย
ส่วนกรณีกระแสข่าวไอเป็นเลือด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สอบถามโรงพยาบาล พบว่าส่วนหนึ่งเกิดจากอาการโรคไข้หวัดใหญ่ จึงทำให้ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ส่วนการปิดโรงเรียน เพราะเด็กมีภูมิต้านทานต่ำกว่าผู้ใหญ่ ขอยืนยันว่ารัฐบาลแก้ปัญหารอบด้าน แต่จะไม่สร้างภาพและไม่สวมหน้ากากอนามัยเพื่อแถลงข่าว เพราะมองว่าเป็นเพียงการสร้างภาพ แต่รัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างอย่างเต็มที่
“ที่ผ่านมาถูกกล่าวหา นายกรัฐมนตรีได้เปรียบทางการเมือง ทั้งที่ยังไมได้ลงเล่นการเมือง ซึ่งผมได้ระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่ ขอย้ำรัฐบาลหน้าต้องปรองดองทุกพรรคการเมืองได้ ทุกคนต้องปรองดองกัน เลือกตั้งแล้วมาเดินขบวนกันอีกไม่ได้ มาตีกันอีกไม่ได้ ต้องปรองดองกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย