กรุงเทพฯ 30 ม.ค. – ครม.ไฟเขียวราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2561/2562 ในอัตราอ้อยตันละ 700 บาท
นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (29 ม.ค.) เห็นชอบกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2561/2562 ในอัตราอ้อยตันละ 700 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับร้อยละ 97.29 ของประมาณการ ราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ 719.47 บาทต่อตันอ้อย และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ 42.00 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2561/2562 เท่ากับ 300 บาทต่อตันอ้อย ตามที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเสนอ โดยได้มีการรับฟังความคิดเห็นและข้อคัดค้านของผู้แทนสถาบันชาวไร่อ้อยและผู้แทนสมาคมโรงงาน ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 เรียบร้อยแล้ว
นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้โรงงานเริ่มทยอยเปิดหีบอ้อยฤดูการผลิตปี 2561/2562 ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบราคาอ้อยขั้นต้นฯ แล้วกระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจะต้องดำเนินการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ เพื่อโรงงานน้ำตาลจะได้ชำระค่าอ้อยให้แก่ชาวไร่อ้อยโดยเร็วต่อไป
“ราคาอ้อยขั้นต้นฯ ฤดูการผลิตปี 2561/2662 ที่ 700 บาทต่อตันอ้อยนี้ หากนำมารวมกับเงินช่วยเหลือตามโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย เพื่อซื้อปัจจัยการผลิตที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 เพื่อนำมาช่วยเหลือชาวไร่อ้อยด้านปัจจัยการผลิตที่จำเป็นในอัตราไม่เกิน 50 บาทต่อตันอ้อย รายละไม่เกิน 5,000 ตันอ้อย รวมเป็นเงิน 6,500 ล้านบาท” นายสมชาย กล่าว
ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวไม่ขัดต่อพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) เนื่องจากเป็นการอุดหนุนด้านปัจจัยการผลิต (Input Subsidies) ถือเป็นการอุดหนุนภายในที่ยกเว้นสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรัฐสามารถดำเนินการได้ นอกจากนี้ ยังมีเงินส่วนแบ่งรายได้ผ่านโครงการจัดสรรเงินรายได้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายให้แก่ชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลเพิ่มเติมอีกในเบื้องต้นส่วนของชาวไร่อยู่ที่ประมาณ 53 บาทต่อตันอ้อย และในส่วนของโรงงานอยู่ที่ 22.71 บาทต่อตันอ้อย เมื่อรวมกับค่าส่วนเพิ่มจากคุณภาพอ้อยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยเกษตรกรชาวไร่อ้อยจะได้รับราคาอ้อยประมาณ 880-900 บาทต่อตันอ้อยที่ค่าความหวานเฉลี่ยประมาณ 12.30 ซี.ซี.เอส ซึ่งจะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวไร่อ้อยอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือและเงินส่วนแบ่งรายได้ดังกล่าวข้างต้นได้ในรอบแรกประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และรอบที่ 2 จะจ่ายได้ภายหลังปิดหีบอ้อย ซึ่งจะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ได้รับผลกระทบจากทั้งด้านราคาที่ตกต่ำและภายใต้การเปลี่ยนแปลงของระบบอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งชาวไร่อ้อยสามารถนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเพาะปลูกและบำรุงรักษาอ้อยและการดำรงชีพต่อไป โดยจะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม.-สำนักข่าวไทย