พปชร.ชูนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ-ขจัดความขัดแย้ง-ไม่แบ่งฝ่าย

พรรคพลังประชารัฐ 24 ม.ค.-พรรคพลังประชารัฐแถลงนโยบาย 3 พันธกิจ 7 : 7 : 7 นโยบาย ลดความเหลื่อมล้ำ ขจัดความขัดแย้ง ไม่แบ่งฝ่าย พร้อมเชิญชวนสมาชิกพรรคเสนอชื่อนายกฯ ต่อกรรมการบริหารพรรค 28 ม.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.00 น. วันนี้ (24 ม.ค.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  คึกคักไปด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในเขตพื้นที่ต่าง ๆ มีตัวแทนจากภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ รวมถึงกรุงเทพมหานคร เป็นจำนวนมาก ร่วมในการแถลงนโยบาย โดยมีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย กรรมการบริหารพรรค รวมถึงนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค เข้าร่วม ส่วนนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค ติดภารกิจไม่สามารถมาร่วมแถลงนโยบายได้

โดยนายอุตตม แถลงนโยบายเปิดพันธกิจประชารัฐเพื่อสร้างชาติให้ยั่งยืน ได้แก่ 1.สวัสดิการประชารัฐ 2.สังคมประชารัฐ และ 3.เศรษฐกิจประชารัฐ โดยสวัสดิการประชารัฐจะเน้นการขจัดความเหลือมล้ำให้ประชาชนได้รับโอกาสที่ขาดมานาน นำไปสู่การสร้างสังคมประชารัฐ คือ สังคมที่สงบสุข เข้มแข็ง และแบ่งปัน ควบคู่ไปกับการสร้างความมั่งคั่งในโลกดิจิทัล ให้ไทยได้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ด้วยเศรษฐกิจประชารัฐ หัวใจสำคัญ คือ การสร้างความน่าเชื่อถือ และแข่งขันกับโลกได้


ขณะที่นายสุวิทย์ ร่วมแถลง 7 นโยบายที่สัมพันธ์กับ 3 พันธกิจ ประชารัฐฯ ซึ่ง 7 นโยบายที่ตอบโจทย์สวัสดิการประชารัฐ ประกอบด้วย 1.บัตรประชารัฐ ต่อยอดจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สร้างหลักประกันทางสังคม ให้กับผู้ที่มีรายได้น้อย 2.สวัสดิการรายกลุ่ม แบ่งตามความต้องการ หรือความจำเป็นพื้นฐานที่ต่างกัน เช่น กลุ่มผู้สูงวัย กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้ใช้แรงงาน กลุ่มอาชีพรับจ้าง 3.สวัสดิการคนเมือง เพราะผู้มีรายได้น้อยต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายที่สูง ทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าเล่าเรียนบุตร 4.หมดหนี้มีเงินออม จะช่วยทุเลาภาระหนี้ให้กับ 6 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ใช้แรงงาน ชาวนา ข้าราชการ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ครู และนักศึกษา 5.โครงการบ้านล้านหลัง 6.บ้านสุขใจวัยเกษียณ และ 7.สิทธิที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร

นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า 7 นโยบายที่ตอบโจทย์สังคมประชารัฐ คือ 1.การศึกษา 4.0 พัฒนาคนเตรียมพร้อมให้ทุกคนมีโอกาส อนาคต ตั้งแต่เด็กจนถึงคนทำงาน 2.กระจายศูนย์กลางความเจริญสู่ภูมิภาค ต่อยอดโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งรัฐบาลดำเนินการมาแล้วบางส่วน 3.สร้างเมืองน่าอยู่ใกล้บ้าน มีงานทำ ด้วยแนวคิด 15 เมืองหลัก 15 เมืองรอง ที่จะทำให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงสร้างพื้นฐาน 4.ชุมชนประชารัฐร่วมพัฒนาบ้านเกิด ชุมชนเข้มแข็งมีกองทุนพัฒนาชุมชนประชารัฐ 5.เมืองอัจฉริยะสีเขียว เพื่อความสุขของทุกคน 6.สังคมประชารัฐสีขาว ปลอดภัย ปลอดโรค ปลอดยา และ 7.Bangkok  5.0 ผุด 9 ย่านนวัตกรรมสร้างเครือข่ายคมนาคมที่สมบูรณ์ ผ่านเทคโนโลยี 5G

นายสุวิทย์ กล่าวด้วยว่า 7 นโยบายตอบโจทย์เศรษฐกิจประชารัฐ ได้แก่ 1.ยกระดับความสามารถผู้ผลิต 5 ล้าน Smart SMEs , 1 ล้าน Smart Farmers , 1 ล้าน Startups , 1 ล้าน Makers และ 1 ล้านค้าปลีกชุมชน 2.ก้าวสู่เกษตรประชารัฐ 4.0 ด้วยนโยบาย 3 เพิ่ม 3 ลด คือ เพิ่มรายได้ เพิ่มนวัตกรรม เพิ่มทางเลือก และลดภาระหนี้ ลดความเสี่ยง ลดต้นทุน  3.กระจายรายได้ กระจายโอกาส ด้วยการท่องเที่ยวชุมชน 4.ชูเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเศรษฐกิจแบ่งปัน 5.สร้างเศรษฐกิจชีวภาพ อุตสาหกรรมหมุนเวียน นวัตกรรมสีเขียว 6.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต และ 7.ลดอุปสรรค เพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจ


หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ย้ำว่า ทั้ง 3 พันธกิจ 7 : 7: 7 นโยบาย จะตอบโจทย์สร้างความสามารถและโอกาสเท่าเทียมให้กับคนไทยทุกคน อย่างไรก็ตาม ตนได้ออกแถลงการณ์ต่อกรรมการบริหารพรรค เรื่อง การเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควร จะเสนอให้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยใจความสำคัญ คือ ขอให้กรรมการบริหารพรรคการเมือง กรรมการสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกพรรคการเมือง เสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรจะเสนอให้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ในวันที่ 28 มกราคมนี้ ณ ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

กองทัพภาค 2 สั่งปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์

22 มิ.ย.- กองทัพภาคที่ 2 มีคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่ 21 มิ.ย. 2568 เป็นต้นไป ตามคำสั่งกองทัพบก (เฉพาะ) ที่ 806/2568 เรื่องการควบคุม การเปิด – ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกำลังสุรนารี มีอำนาจการควบคุมการเปิด – ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ที่จำเป็นเหมาะสมในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณาภาพแห่งดินแดงของประเทศไทย การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย พร้อมทั้งให้เกิดความเหมาะสมต่อการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน และความมั่นคงของประเทศไทย กองทัพภาคที่ 2 จึงอนุมัติให้ปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป. – สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เผยไทยมีฝนเพิ่ม เตือนตะวันออก รับมือฝนถล่ม

กทม. 22 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและตกหนักบางแห่ง เตือนภาคตะวันออก เตรียมรับมือฝนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

โผ ครม. แพทองธาร 2 หลังภูมิใจไทยถอนตัว

21 มิ.ย. – สะพัดโผ ครม. แพทองธาร ชุดใหม่ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” นั่ง มท.1 พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ หรือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งกลาโหม ภายหลังพรรคภูมิใจไทย ประกาศถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้าน ส่งผลให้ ครม. ว่างลง 8 ตำแหน่ง โผการปรับคณะรัฐมนตรีล่าสุด ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย มีชื่อของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะไปนั่งเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ ยืนยันว่า พร้อมไปทำงานในทุกตำแหน่งที่นายกรัฐมนตรี มอบหมาย ส่วน รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย (มท. 2) มีชื่อ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากพรรคประชาธิปัตย์ จะสลับมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย (มท. 3) ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม […]

เลขาฯ เพื่อไทย ยัน นายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา

กทม. 21 มิ.ย.-เลขาฯ พรรคเพื่อไทย ยืนยันนายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา หลังงบฯ 69 ผ่านวาระสาม ตามที่มีกระแสข่าว เดินหน้าทำงานแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ภาษีทรัมป์ และนโยบายต่างๆ ขออย่าให้การเมืองมาบดบังเป้าหมายสำคัญ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลฯ ว่า “จากกระแสข่าวลือที่ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจตอบรับข้อเสนอจากพรรคการเมืองบางพรรค ด้วยการลาออกหรือยุบสภาหลังผ่านการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ในวาระที่สามนั้น ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอเรียนชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันกับพวกเราชัดเจนว่า จะเดินหน้าทำหน้าที่แก้ไขวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในมิติการทูตและด้านความมั่นคง รวมถึงปัญหาวิกฤตภาษีทรัมป์ ที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันการเจรจาอย่างจริงจัง และได้รับการตอบรับอย่างดีจากคู่เจรจา รัฐบาลยังมุ่งมั่นใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันนโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ -การเดินหน้านโยบายปราบปรามยาเสพติด-การปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น-มาตรการลดค่าครองชีพ ผ่านโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่-การสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ (man-made destination) […]