กทม.22 ม.ค.-องค์การเภสัชกรรม เผยผลดำเนินงานปี 61 ช่วยรัฐประหยัดงบกว่า 7,500 ล้านบาท เตรียมปลูกกัญชาปลายเดือน ก.พ.นี้ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 16,720 ล้านบาท
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) แถลงผลดำเนินงาน ปี2561 ความคืบหน้าโครงการสำคัญ และทิศทางในอนาคตองค์การเภสัชกรรม ว่า ผลการดำเนินงานในปี 2561 ที่ผ่านมา อภ.มีผลประกอบการ 16,651ล้านบาท ช่วยรัฐประหยัดได้มากกว่า7,500 ล้านบาท โดยในปี 2562 ตั้งเป้าหมายผลประกอบการไว้ 16,720 ล้านบาท ตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ ทั้งโครงการที่ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ ได้แก่ ด้านโรงงานผลิต (วัคซีน) ชีววัตถุ จ.สระบุรี จะได้วัคซีนที่ใช้ทำการทดสอบอาสาสมัคร ในเดือนพฤษภาคม และใช้เวลาติดตามผล 1 ปี ประเดิมรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ โดยจะนำข้อมูลไปยื่นขอทะเบียนวัคซีนต่อไป และโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยารังสิตระยะที่ 2 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อผลิตยาน้ำรับประทาน ยาครีม ยาขี้ผึ้ง ยาปราศจากเชื้อ ยาน้ำใช้ภายนอก ยาฉีด และยาเม็ด ที่จำเป็นในระบบสาธารณสุข รวมทั้งคลังที่ใช้สำหรับการสำรองวัตถุดิบและอุปกรณ์ งบกว่า 5,607 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดคัดเลือกบริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง
นพ.วิฑูรย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์นั้น หลังเกิดปัญหาของกลางปนเปื้อนสารเคมีจนไม่สามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ได้ จึงเห็นว่าต้องปลูกเอง โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ระยะเร่งด่วน / ระยะปลูก-ผลิตสารสกัดระดับกึ่งอุตสาหกรรม และระดับอุตสาหกรรม เบื้องต้นได้รับอนุมัติงบประมาณจำนวน 10 ล้านบาท ดำเนินการใน 2 ระยะก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ และติดตั้งระบบเพาะปลูกกัญชา ซึ่งจะดำเนินการบริเวณชั้น 2 อาคารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ โรงงานผลิตยารังสิต ใช้พื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตร คาดว่า ไม่เกินกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะเริ่มปลูกกัญชาสำหรับเป็นวัตถุดิบในการนำมาผลิตเป็นสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์อย่างถูกต้องตามกฎหมายแห่งแรกของประเทศไทย และจะสามารถสกัดเป็นต้นแบบสำหรับศึกษาวิจัยพัฒนา และทดลองในผู้ป่วย ที่เข้าร่วมโครงการในเดือนพฤษภาคมนี้
สำหรับพันธุ์กัญชาที่นำมาปลูก เบื้องต้นนำเข้าจากประเทศแคนนาดา บางส่วนเป็นของสายพันธุ์ไทย ซึ่งจะให้ผลผลิต 4 รอบต่อปี คาดว่า ลอตแรกจะได้กัญชาแบบแห้งประมาณ 25 กิโลกรัม สามารถสกัดน้ำมันกัญชาได้ 2,500 ขวด ขวดละ 5 มิลลิลิตร จากนั้นจะเพิ่มพื้นที่ปลูก ศึกษา วิจัย พัฒนาสายพันธุ์กัญชาเพิ่มเติม เพื่อผลิตสารสกัดน้ำมันกัญชาให้มากขึ้นระดับกึ่งอุตสาหกรรมต่อไป
นอกจากนี้ในปี 2562 ผู้ป่วยจะสามารถเข้าถึงยาใหม่ที่มีความจำเป็นในระบบสาธารณสุขไทย ไม่น้อยกว่า 3 รายการ อาทิ ยาต้านไวรัสเอดส์ชนิดเม็ดสูตรผสม 3 ชนิดจำเป็นพื้นฐาน ช่วยลดปัญหาการดื้อยาและเพิ่มความสะดวกใยการรับประทาน ยาเม็ด Darunavir 3 ขนาด เป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ดื้อยา และยาละลายลิ่มเลือด โคลพิโดเกรล ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ช่วยรัฐประหยัดงบได้ถึง 350 ล้านบาทต่อปี พร้อม
แสวงหาพันธมิตร เพิ่มช่องทางกระจายยาตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำไปแล้วกว่า 140 แห่งทั่วประเทศ .-สำนักข่าวไทย
