โรงกลั่นร่วมแก้ปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน / ช้อปช่วยชาติวันสุดท้ายคึกคัก

กทม. 16 ม.ค. – โรงกลั่นประชุมปรับมาตรฐาน ร่วมแก้ปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ด้านช้อปช่วยชาติวันสุดท้ายคึกคัก


เรื่องในประเทศวันนี้ เรื่องฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญ กระทรวงพลังงานคุยกับโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อเร่งปรับมาตรฐานการผลิตน้ำมันเป็นยูโร 5 ในขณะที่ช้อปช่วยชาติวันสุดท้ายคึกคัก



วันนี้จากที่สำรวจก็มีทั้งผู้ใช้สิทธิ์ซื้อสินค้า ในรายการช้อปช่วยชาติวันสุดท้าย คึกคึกทั้งสินค้าโอทอป หนังสือนิตยสาร และยางรถยนต์ ยางมอเตอร์ไซค์ที่กำหนดว่าใช้ยางภายในประเทศ เพื่อส่งเสริมเกษตรกร ช่วยดึงราคายาง ในส่วนของยางพาราข้อกำหนดสำคัญคือ ต้องมีคูปองจากการยางแห่งประเทศไทย ซึ่งหลายร้านก็จะเปลี่ยนยางให้ลูกค้าไปก่อนแล้ว คูปองจะส่งตามไปทีหลัง ร้านเปลี่ยนยางหลายแห่งบอกเลยว่า มาตรการนี้ทำให้คึกคัก แต่วันนี้หลายคนก็ต้องผิดหวัง เปลี่ยนยางไม่ได้เพราะยางที่เข้าร่วมโครงการมีคนมาใช้บริการมาจนหมดร้าน

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการช้อปช่วยชาติ และ โครงการ  1 หมู่บ้าน 1 กม. ที่ส่งเสริมให้ใช้ยางพาราไปทำถนน ได้ส่งผลให้ราคายางขยับขึ้นมาประมาณ 2 บาทต่อกิโลกรัมจากช่วงปลายปีมาอยู่ที่ 46 บาทต่อกิโลกรัม  โดยช้อปช่วยชาตินับว่าประสบความสำเร็จ ทำให้กลุ่มเกษตรกรขายโดย 5 สหกรณ์ขายได้โดยตรงโรงงานเป็นครั้งแรก ทำให้เกษตรกรรับทราบความต้องการและปรับปรุงคุณภาพให้ตรงกับความต้องการของโรงงาน ในขณะที่โรงงานยางรถที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการในรอบนี้ มีความตื่นตัวไปทำแผนรับซื้อตรงจากเกษตรกรมากขึ้น เพื่อจะได้มีโอกาสในการเข้าร่วมโครงการภาครัฐในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นผลดีต่อผู้บริโภคเพราะโรงงานที่ไม่ได้ร่วมโครงการก็ได้จัดโปรโมชั่นแข่งขันกับโรงงานยางที่ร่วมโครงการ

สำหรับผลสรุปโครงการช้อปช่วยชาติ มี 5 สหกรณ์ ขายยางแท่งโดยตรงกับ 11 บริษัทที่เข้าร่วมโครงการ ขายยางได้ 2.67 ล้านกิโลกรัม การยางออกคูปองรับรองเพื่อไปหักลดภาษีรวม 4.49 แสนใบ

ด้านคุณสุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการช้อปช่วยชาติทำให้ยอดขายหนังสือขยายตัวร้อยละ 10-20 และทางสมาคมได้เสนอไปยังกระทรวงการคลังให้จัดทำโครงการนี้ทั้งปี จะทำให้ยอดขายฟูขึ้น จากที่เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้ยอดขายหนังสือเหลือปีละ 15,000-16,000 ล้านบาท จากในอดีตเคยสูงกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งหากกระทรวงการคลังออกมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ซื้อทั้งปีจะทำให้รายได้ภาครัฐไม่ลดลงและยังเพิ่มขึ้นด้วย เพราะจะเก็บภาษีจากธุรกิจหนังสือและผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น นักเขียน, โรงพิมพ์, กอง บก. ได้มากกว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่อาจลดลงจากการลดหย่อนภาษีซื้อหนังสือทั้งได้ถึง 9.8 เท่า

นอกจากนี้ ปัญหาหมอกควัน ที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ปัจจุบันนี้ ทางสมาคมหนังสือ ก็ฝากรณรงค์ว่า หากใช้พวงหรีดหนังสือ แทนพวงหรีดดอกไม้ทั่วไป ก็จะช่วยให้ลดฝุ่นน้อยลง เพราะหรีดดอกไม้ต้องเผาทิ้ง ในขณะที่หรีดหนังสือ สามารถนำไปบริจาคต่อ สร้างปัญญาให้ผู้อ่าน โดยขณะนี้มี 15 ร้านหนังสือพร้อมทำพวงหรีดหนังสือ ดูรายละเอียดได้ที่เพจหรีดหนังสือได้เลยพูดถึง การเร่งแก้ปัญหาฝุ่นเกินมาตรฐาน ในวันนี้ กรมธุรกิจพลังงาน ประชุมร่วมกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันหารือเร่งรัดแผนลงทุนปรับปรุงโรงกลั่น จากปัจจุบันที่กลั่น มาตรฐานยูโร 4 เป็นยูโร 5 โดยโรงกลั่นทั้ง 6 แห่ง จะจัดทำแผนลงทุนมาให้รับทราบภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะสามารถลดมลพิษฝุ่นลงได้ จากสามารถลดค่ากำมะถันจากปัจจุบันยูโร 4 อยู่ที่ 50 PPM (หรือ 50 ส่วนในล้านส่วน) ลงมาอยู่ที่ 10 PPM  ประเมินว่าต้องลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 35,000 ล้านบาท เนื่องจากบางโรงกลั่นก็มีการปรับปรุงเครื่องจักรที่สามารถกลั่นน้ำมันเป็นมาตรฐานยูโร 5 ได้แล้ว เช่น โรงกลั่นบางจาก และโรงกลั่นไทยออยล์ ส่วนโรงกลั่นอื่นที่ยังเป็นมาตรฐานยูโร 4 ต้องใช้ระยะเวลาปรับปรุง 5 ปี ซึ่งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นก็จะถูกผูกเข้าไปในราคาขายน้ำมันด้วย แต่จะเป็นอัตราเท่าใดนั้น ก็อยู่ในระหว่างการคำนวณราคา

นอกจากนี้ กรมธุรกิจพลังงาน เตรียมออกประกาศสเปคน้ำมันไบโอดีเซลเกรดพิเศษ บี20 เพื่อเข้าจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันทั่วไป จากเดิมขายผ่านฟลีทรถเท่านั้น ซึ่งจะมีการกำหนดประเภทรถยนต์ที่จะเข้ามาเติมด้วย ส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มรถบรรทุกเป็นหลัก โดยพบว่าน้ำมันบี20 สามารถลดฝุ่นได้อย่างน้อยร้อยละ 10 เมื่อเปรียบเทียบน้ำมันดีเซล และที่สำคัญยังช่วยดูดซับน้ำมันปาล์ม ปัจจุบันยอดใช้น้ำมันบี20 อยู่ที่ 5 ล้านลิตรต่อเดือน และคาดว่าภายในเดือนมกราคมนี้น่าจะเห็นยอดใช้อยู่ที่ 10 ล้านลิตรต่อเดือน

ในขณะที่ ขสมก.ประชุมร่วมกรมควบคุมมลพิษ และประกาศเพิ่มใช้ ดีเซล B20 เพราะอัตราการสิ้นเปลืองใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซล B7 และยังมีค่าควันดำอยู่ในเกณฑ์ปกติ และค่ามลพิษ (CO2) ลดลง 15 % จึงส่งผลทำให้ค่ามลพิษในอากาศภาพรวมลดลงด้วย ขสมก.จึงขยายผลการใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 2,075 คัน ในเร็วๆนี้ และ ขสมก. จะงดนำรถโดยสารเครื่องดีเซลที่มีสภาพเก่าออกวิ่งให้บริการชั่วคราว เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะสั้น โดยระยะยาว มีแผนปรับเปลี่ยนรถโดยสารเป็นประเภท EV และไฮบริด ทั้งหมดในปี 2565 .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย