ระยอง 15 ม.ค. – กรมฝนหลวงฯ ขึ้นบินทำฝนหลวง เมฆก่อตัวผลตอบรับดี บินต่อรอบ 2 สั่งตั้งวอร์รูมแก้ปัญหามลพิษทางอากาศใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้เกิดฝนตกในพื้นที่อู่ตะเภา ซึ่งเป็นฝนธรรมชาติ ศูนย์ฝนหลวงภาคตะวันออก จังหวัดระยองกำลังรอให้ฝนซา จึงจะนำเครื่องบิน CASA 2 ลำบินขึ้นปฏิบัติการอีกครั้ง โดยการบินช่วงเช้าเป็นการปฏิบัติการขั้นตอนที่ 1 คือ ก่อกวน โดยบินเป็นแนวเส้นตรงตั้งแต่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ไปยัง อ. บางปะกง แล้วสิ้นสุดที่ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า จากผลการปฏิบัติการในช่วงเช้า ทำให้เมฆเริ่มก่อตัว โดยขั้นตอนที่ 2 จะนำสารฝนหลวงอีกชนิดบินไปที่ความสูงประมาณ 6,000 ฟุต เพื่อโปรยลงสู่เมฆซึ่งก่อตัวแล้ว เพื่อปฏิบัติการเลี้ยงให้อ้วน คือ ทำให้ไอน้ำรวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยช่วงบ่ายได้ประสานงานกับวิทยุการบินของสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองและได้รับอนุญาตให้บินเข้าไปใกล้สนามบินระยะ 20 ไมล์ จากปกติมีข้อบังคับให้เครื่องบินอื่นเข้าใกล้สนามบินนานาชาติในระยะ 50 ไมล์ ซึ่งส่งผลดีทำให้เมฆซึ่งเกาะกลุ่มกันหนาแน่นขึ้นเข้าถึงพื้นที่เป้าหมายและหากมีกระแสลมพัดในอัตราเร็วที่เหมาะสมอาจจะพัดพาเมฆเข้าไปถึงกรุงเทพฯ ชั้นในได้ แต่นักบินต้องติดต่อสื่อสารกับหอบังคับการบินอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้การบินปฏิบัติการไปกระทบกับตารางการบิน ทั้งนี้ แนวที่วางแกนเมฆอยู่ทางทิศตะวันตกของกรุงเทพฯ ส่วนกระแสลมเป็นลมตะวันออก จึงมีโอกาสสูงที่จะพัดพาเมฆไปถึงฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งประชุม ครม.อยู่ที่จังหวัดลำปาง ได้โทรศัพท์ติดตามการปฏิบัติการอย่างใกล้ชิด โดยกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชนในกรุงเทพฯ ที่เผชิญกับมลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก ทั้งนี้ หากการปฏิบัติการเป็นผลสำเร็จ ทำให้มีฝนตกลงมาได้จะช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนได้
อธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้จะเปิดศูนย์ปฏิบัติการ (War Room) ขึ้นที่กรมฝนหลวงฯ เขตบางเขน ซึ่งจะสามารถสั่งการจากส่วนกลางมายังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก จ.ระยองได้ผ่าน VDO Conferrence ตั้งแต่การตรวจสภาพอากาศ โดยบอลลูนตรวจอากาศและติดตามผลการปฏิบัติการผ่านเรดาห์ ซึ่งจะสามารถเห็นว่าฝนตกบริเวณใด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสภาพอากาศเบื้องต้นจะปฏิบัติการทำฝนจนถึงวันที่ 18 มกราคม เมื่อถึงวันที่ 18 จะตรวจสอบสภาพอากาศอีกครั้ง ถ้ายังเอื้ออำนวยจะยังคงปฏิบัติการต่อ แต่หากความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศต่ำเครื่องบินจะบินกลับไปยังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงนครสวรรค์ โดยนักวิทยาศาสตร์จะติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง เมื่อพบว่าสภาพอากาศเอื้ออำนวยสามารถบินมายังสนามบินอู่ตะเภาเพื่อปฏิบัติการได้ทันที
นอกจากกรุงเทพฯ แล้ว อีกจังหวัดที่น่าเป็นห่วง คือ สระบุรี บริเวณ ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งมีโรงงานผลิตปูนซีเมนต์และสกัดหินอ่อนจำนวนมาก ซึ่งอธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า มีฝุ่นละอองขนาดเล็กปริมาณมากเช่นกัน แต่เนื่องจากนาข้าวในจังหวัดสระบุรีอยู่ระหว่างเก็บเกี่ยว หากฝนตกจะสร้างความเสียหายแก่ผลผลิต ซึ่งการเก็บเกี่ยวจะเสร็จสิ้นประมาณปลายเดือนมกราคมนี้ ซึ่งทันทีที่สภาพอากาศเอื้ออำนวยจะปฏิบัติการทำฝน ลดฝุ่นละอองที่จังหวัดสระบุรีเป็นลำดับถัดไป
สำหรับหน้าแล้งนี้ในหลายพื้นที่จะมีปัญหาฝุ่นควันจากการเผาวัสดุเหลือทางการเกษตร ซึ่งเป็นปัญหาทุกปี ทางกรมฝนหลวงฯ เตรียมสารฝนหลวงไว้พร้อมปฏิบัติการ ขณะเดียวกันระหว่างนี้เป็นช่วงบำรุงดูแลรักษาอากาศยานให้มีสมรรถนะพร้อมสำหรับการเปิดศูนย์ปฏิบัติการตามแผนประจำปีทั่วประเทศในเดือนมีนาคม อีกทั้งจะทบทวนการปฏิบัติงานและเสริมสร้างความรู้ทางวิชาการเพิ่มเติมแก่นักวิทยาศาสตร์
อธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานตำราฝนหลวง ซึ่งพระองค์ท่านใช้เวลา 14 ปีคิดค้นและพัฒนา กรมฝนหลวงฯ ได้สนองงานพระราชดำริ ตามพระราชปณิธานนำแนวทางปฏิบัติจากตำราฝนหลวงพระราชทานมาใช้ช่วยเหลือและคลี่คลายความทุกข์ร้อนของประชาชนมาตลอด ทั้งแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ ปัญหาหมอกควันจากไฟป่า การเผาวัสดุทางการเกษตร เผาขยะ และครั้งนี้ได้ประยุกต์ใช้แก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งตำราฝนหลวงพระราชทานนั้น นับเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง ไม่เฉพาะต่อปวงชนชาวไทย แต่ยังเป็นความรู้ที่มีคุณค่าต่อมนุษยชาติ โดยขณะนี้กรมฝนหลวงฯ ได้ถ่ายทอดความรู้การทำฝนและร่วมปฏิบัติการกับหลายประเทศ.-สำนักข่าวไทย