กรุงเทพฯ 14 ม.ค. – ปตท.-บีไอจี ร่วมทุนตั้งโรงแยกอากาศใช้ความเย็นเหลือทิ้งจาก LNG ผลิตก๊าซอุตสาหกรรมแห่งแรกของไทยใน EEC กำลังการผลิต 450,000 ตันต่อปี มูลค่าการลงทุน 1,500 ล้านบาท ต่อยอดโครงการ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นมหานครผลไม้โลก
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ปตท.ได้ลงนามสัญญาร่วมทุนโครงการหน่วยแยกอากาศ โดยใช้พลังงานความเย็นเหลือทิ้งจากก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ในการผลิตก๊าซอุตสาหกรรม หรือ Air Separation Unit (ASU) ร่วมกับบริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือบีไอจี (BIG) ก๊าซฯ ที่แยกได้ เช่น ไนโตรเจน ออกซิเจน และอาร์กอน เพื่อรองรับความต้องการใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ที่มีความต้องการ และขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โครงการตั้งอยู่ในนิคมฯ มาบตาพุด จ.ระยอง ลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท กำลังผลิตประมาณ 450,000 ตันต่อปี คาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2564 และโครงการนี้จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนนโยบายรัฐในโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (EFC)
“โครงการพลังงานความเย็นเหลือทิ้งจากกระบวนการเปลี่ยนสถานะ LNG จากของเหลวไปเป็นก๊าซมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จากปัจจุบันพลังงานความเย็นนี้ถูกปล่อยไปกับน้ำทะเลจำนวนมาก จะช่วยลดต้นทุนกระบวนการผลิต ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ดูแลสิ่งแวดล้อม เพราะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 28,000 ตันต่อปี และลดการปล่อยน้ำเย็นของธุรกิจแอลเอ็นจีของ ปตท. หรือ PTTLNG ลงสู่ทะเลถึง 2,500 ตันต่อชั่วโมง” นายชาญศิลป์ กล่าว
นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการบีไอจี กล่าวว่า โครงการนี้บีไอจี ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ49 และกลุ่ม ปตท.ถือหุ้น ร้อยละ 51 ซึ่งโครงการหน่วยแยกอากาศที่ดำเนินการในครั้งนี้จะใช้เทคโนโลยีและมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก จากบริษัท แอร์โปรดักส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบีไอจีในสหรัฐ โดยนับเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดัน EFC สนับสนุนการจัดตั้งตลาดกลางผลไม้คุณภาพสูงในพื้นที่ EEC เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ในพื้นที่ที่มีศักยภาพจะสามารถนำไนโตรเจนที่ผลิตได้จากโครงการไปต่อยอดนวัตกรรมในการรักษาคุณภาพความสดใหม่ของผลไม้ก่อนที่จะนำไปเก็บในห้องเย็น ทำให้สามารถเก็บรักษาผลไม้ไว้ได้และมีคุณภาพที่ดีขึ้น เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรและมุ่งตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นมหานครผลไม้โลก.-สำนักข่าวไทย