นายกฯ สาธารณรัฐเช็กเดินทางเยือนไทย 15-17 ม.ค.

กระทรวงการต่างประเทศ 14 ม.ค.- นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเช็กและคณะ  จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 15-17 ม.ค.นี้ พร้อมนำคณะผู้แทนภาคเอกชนร่วมเดินทางด้วย มีกำหนดการหารืออย่างเป็นทางการกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”


น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายอันเดรย์ บาบิช (Andrej Babiš) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเช็กและคณะ มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 15-17 มกราคม 2562 โดยเป็นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในระดับนายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐเช็ก 

ในการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเช็ก จะพบหารืออย่างเป็นทางการกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐเช็ก และพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน ซึ่งสาธารณรัฐเช็กเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เป็นแหล่งผลิตอุตสาหกรรมของยุโรปและมีความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มานานหลายศตวรรษ 


โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สาธารณรัฐเช็กให้ความสำคัญกับการขยายการค้าและการลงทุนในเอเชียตามนโยบายการทูตเชิงเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจและลดการพึ่งพาการค้าในภูมิภาคยุโรป โดยมองไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสามารถเป็นฐานสำหรับการกระจายผลิตภัณฑ์ของเช็กไปยังประเทศเพื่อนบ้านของไทยและภูมิภาคใกล้เคียง 

น.ส.บุษฎี กล่าวว่า การเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเช็กในครั้งนี้มีคณะผู้แทนภาคเอกชนเช็กร่วมเดินทางมาด้วย จำนวน 48 คน จาก 40 บริษัท ซึ่งประกอบด้วยเจ้าของกิจการและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทชั้นนำในหลากหลายสาขา อาทิ อุตสาหกรรมการผลิต การป้องกันประเทศ ยานยนต์และส่วนประกอบ ระบบราง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การบินและอากาศยาน เทคโนโลยีอุตสาหกรรม เทคโนโลยีการเกษตร เทคโนโลยีการแพทย์ อุตสาหกรรมไซเบอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่

โดยคณะผู้แทนภาคเอกชนเช็กจะเข้าร่วมการสัมมนาทางธุรกิจ ซึ่งเป็นการจัดร่วมกันระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับสภาอุตสาหกรรมเช็ก เพื่อสร้างเครือข่ายและจับคู่ทางธุรกิจกับภาคเอกชนไทย ทั้งนี้ ภาคเอกชนเช็กมีความสนใจอย่างจริงจังในนโยบายประเทศไทย 4.0 เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเทศไทยและสาธารณรัฐเช็กมีความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกันมายาวนานกว่า 100 ปี มีการค้าขายเครื่องจักร อะไหล่และส่วนประกอบยานพาหนะระหว่างกัน และได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อปี 2517 แม้ว่าประเทศทั้งสองจะตั้งอยู่ห่างไกลกันและยังไม่มีเที่ยวบินตรงระหว่างกัน แต่ปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวเช็กเดินทางมาไทยประมาณ 50,000 คนต่อปี และนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเช็กในจำนวนใกล้เคียงกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง