กรุงเทพฯ 14 ม.ค. – สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนออกแถลงการณ์ ชี้แก้ปัญหา Smog ต้องหยุดการเผาไร่อ้อย
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ว่าตามที่เกิดปรากฏการณ์ฝุ่นพิษขนาด 2.5 PM เกินมาตรฐานคุณภาพอากาศหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัดหลายพื้นที่ตามให้ประชาชนเจ็บป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจจำนวนมาก กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ซึ่งหลายฝ่ายพยายามชี้เป้าว่าสาเหตุมาจากการสะสมไอเสียของยานยนต์ การก่อสร้าง และการเผาขยะ เผาหญ้าในเมืองเป็นหลัก โดยแนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยมาป้องกันจนทำให้นักการเมืองบางพรรคนำมาเป็นเหตุสร้างคะแนนนิยมโดยการแจกหน้ากากอนามัยนั้น
การแก้ไขปัญหาการเกิดฝุ่นพิษ หรือ Smog ในขณะนี้นั้นผิดฝาผิดตัวมาโดยตลอด เพราะ Smog ไม่ได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลเท่านั้น หากแต่เกิดขึ้นแผ่กระจายทั่วไปในพื้นที่ต่างจังหวัดโดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก ที่มีการปลูกอ้อยจำนวนมาก และได้เข้าสู่ฤดูกาลหีบอ้อยแล้ว เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้กำหนดวันเริ่มต้นวันหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทราย ฤดูการผลิตปี 2561/2562 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2561 ถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ทำให้เกษตรกรบางรายใช้วิธีการมักง่ายตัดอ้อยส่งโรงงาน คือ การเผาไร่อ้อย เพื่อให้สะดวกในการตัดและเก็บขน ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสมาคมชาวไร่อ้อย สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย (TSMC) คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กระทรวงอุตสาหกรรม ต่างรู้ปัญหาดังกล่าว แต่กลับไม่ยอมออกมาแก้ไขปัญหาที่เด็ดขาด โดยเฉพาะการไม่รับซื้ออ้อยที่เก็บเกี่ยวโดยการเผา
ทั้งนี้ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนจึงเรียกร้องไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมให้หยุดตระเวนหาเสียงให้กับพรรคการเมืองของตน แล้วกลับมาทำหน้าที่รัฐมนตรีอย่างจริงจัง โดยการใช้ยาแรงจัดการปัญหาการเผาไร่อ้อยที่เป็นต้นเหตุของการเกิด Smog ที่แท้จริงในขณะนี้ โดยการสั่งให้โรงงานรับซื้ออ้อยทั้ง 57 โรงทั่วประเทศ หรือกลุ่มสมาคมโรงงานน้ำตาลทรายห้ามการซื้อขายผลผลิตอ้อยที่ผ่านการเผาโดยเด็ดขาด เพราะความมักง่ายของเกษตรกรในการเผาไร่อ้อย เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตเป็นต้นเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษแพร่กระจายอยู่ในขณะนี้ แต่หากข้อเรียกร้องนี้ไม่เป็นผล นายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาหกรรมควรจะพิจารณาตัวเองลาออกไปเสีย และสมาคมจะร่วมมือกับชาวบ้านข้างไร่อ้อย และประชาชนทั่วไปที่เดือดร้อนและเสียหายยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อระงับปัญหาดังกล่าวเป็นการเร่งด่วนต่อไปด้วย.-สำนักข่าวไทย