อดีตกมธ.ร่างรธน.เปรียบเปรมโมเดล มีลักษณะคล้ายการเมืองช่วงนี้

S__27697288กรุงเทพฯ  4 ก.ย.-สุจิต เปรียบเปรมโมเดล มีลักษณะคล้ายการเมืองช่วงนี้ ชี้มีความเป็นไปได้ที่พรรคการเมืองจะเสนอชื่อคนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่รู้ใจพลเอกประยุทธ์ว่าจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือไม่


นายสุจิต บุญบงการ อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงข้อเสนอ”เปรมโมเดล” ว่ามองได้ว่าน่าจะเป็นการเทียบเคียงการเมืองในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2523-2531 เพราะขณะนั้นการรณรงค์ให้นายกรัฐมนตรีมาจาก ส.ส.นั้นยังเบาบางและพรรคการเมืองยังไม่เข้มแข็งมากนัก อีกทั้งพรรคเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็รู้ศักยภาพตัวเองดีว่าคงไม่มีใครขึ้นเป็นผู้นำได้ จึงให้การสนับสนุน รวมถึงประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้สึกว่าอยากได้ผู้นำที่มีความสามารถและมีความซื่อสัตย์ในการบริหารบ้านเมืองได้  ดังนั้นพลเอกเปรมจึงได้รับการผลักดันจนสามารถเป็นผู้บัญชาการทหารบกและนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นได้อย่างไม่มีปัญหา และแม้จะมีกลุ่มที่คัดค้านบ้างแต่ในที่สุดแล้วก็ให้การยอมรับทุกฝ่ายทั้งฝ่ายทหารอย่างกลุ่ม จปร.รุ่น5 กลุ่มพรรคการเมืองอย่างพรรคชาติไทยและและส.ว.บางส่วน

“ความรู้สึกตอนนั้นคิดตรงกันว่าคนไทยส่วนใหญ่ต้องการคนที่มาคุมสถานการณ์ได้และเป็นแบบอย่างในการเป็นผู้นำที่ถูกต้องที่จะมาดูแลชาติบ้านเมืองและก็ต้องเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์เพราะประชาชนเบื่อหน่ายการทุจริตในสมัยจอมพลถนอมและจอมพลประภาสเป็นผู้นำอยู่ตอนนั้น”นายสุจิต กล่าว


เมื่อถามว่า หากจะเปรียบเทียบกับในสมัยนี้จะนำเปรมโมเดล มาใช้ได้หรือไม่  นายสุจิต กล่าวว่า ส่วนตัวไม่อยากให้ใช้คำว่าเปรมโมเดล เพราะจะเป็นการไปเปรียบเทียบว่าทำไมพลเอกเปรมทำได้และพลเอกประยุทธ์จะทำไม่ได้ เพราะพลเอกเปรมพ้นจากแวดวงการเมืองไปแล้วจึงไม่อยากเปรียบเทียบ

“หากถามว่าช่วงนี้เหมาะสมหรือไม่ที่จะมีนายกรัฐมนตรีคนนอก ไม่ว่าจะเป็น คนคสช.หรืออดีตผบ.ทบ.ได้ไหม  ต้องยอมรับว่าความรู้สึกนี้มีมากเพราะประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนมากกลัวว่ารัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งมาแล้วจะเป็นแบบเก่ามีการทุจริคตคอรัปชั่นและไม่เป็นไปตามความต้องการในหลายเรื่อง จึงไม่ค่อยแน่ใจว่าการให้นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคการเมืองจะเหมาะหรือไม่ ดังนั้นหลายคนที่เชียร์พลเอกประยุทธ์ ก็เห็นว่าที่ผ่านมาท่านก็ทำงานดีเสียสละ และออกตัวว่าต้องการปูพื้นฐานประชาธิปไตยให้ประเทศแต่ไม่ได้ต้องการสืบทอดอำนาจหรือต้องการตำแหน่งอะไรต่อ ซึ่งก็เหมือนกับพลเอกเปรมตอนที่เป็นแม่ทัพภาคและย้ายมาเป็นผู้นำในกองทัพบกก็ไม่ได้แสดงอาการว่าอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นตรงนี้ก็อาจจะคล้ายกันแต่มีข้อแตกต่างคือ การเมืองเปลี่ยนแปลงไปเยอะจาก30 ปีที่แล้วที่พลเอกเปรมมีอำนาจ เนื่องจากพรรคการเมืองค่อนข้างมีความเชื่อมั่นว่าพรรคเขาจะต้องเป็นรัฐบาลและคนที่มีเสียงข้างมากควรจะได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเสียงของ ส.ส.ก็จะบอกว่าต้องเอาคนในก่อนหากไม่ได้ค่อยเอาคนนอก  แต่การต่อต้าน จะดูได้จากการเลือกตั้งว่าพรรคการเมืองนั้นๆเลือกคนที่มีความสามารถและเข้าตาประชาชนหรือไม่ซึ่งแตกต่างจากสมัยพลเอกเปรมซึ่งไม่มีคู่แข่งในขณะนั้น แต่การเลือกตั้งครั้งนี้คนก็จะพิจารณาได้ถึงความเหมาะสม”นายสุจิต กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีการวางหลักการเทียบเคียงอย่างไรหากมีนายกรัฐมนตรีคนนอกให้ปฎิบัติตามเปรมโมเดล นายสุจิต กล่าวว่าพูดลำบากแต่ในทางปฎิบัติคนไทยที่มีสิทธิมีเสียงในการลงคะแนนและนักวิชาการรวมทั้งสื่อ ก็พอจะรู้หากเทียบเคียงกับบุคคลในบัญชีรายชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่แต่ละพรรคการเมืองเสนอมากับฝ่ายที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ที่คิดว่าเป็นต่อ  ซึ่งโอกาสที่ฝ่ายการเมืองจะส่งคนที่หน่วยก้านดีคงลำบาก ดังนั้นโอกาสที่พรรคการเมืองจำเป็นต้องสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีก็อาจจะมีมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่ว่าแต่ละพรรคการเมืองจะสามารถไปเอาชื่อใครที่เหมาะสมมาเป็นนายกรัฐบมนตรีเสนอต่อประชาชนเพราะหลายคนที่มีความรู้ความสามารถแบบไทยๆคงไม่อยากออกตัวให้ชื่อปรากฎ เชื่อว่าสุดท้ายก็ต้องเป็นคนในพรรคนั้นๆอยู่ดี ดังนั้นจึงมีโอกาสที่พรรคการเมืองจะสนับสนุนนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องดูก่อนว่าพรรคการเมืองจะเอาชื่อคนที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีมาเสนอต่อประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน


เมื่อถามถึงความยากง่ายในการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรีคนนอกในสมัยนี้กับสมัยพลเอกเปรม นายสุจิต กล่าวว่าคงมีความคล้ายกันในความลำบากเรื่องดูแลพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นการปรับครม.หรือการยุบสภา แต่สิ่งสำคัญคือจะต้องมีคนช่วย ไม่ว่าจะเป็นนายทหารก็ดี นักการเมืองหรือนักธุรกิจก็ดี เพื่อเป็นคนที่จะมาต่อรองกับพรรคการเมือง แต่อยากฝากไว้ว่าอย่ายอมให้รัฐมนตรีแสวงหาผลประโยชน์อย่างที่เคยทำมา ถึงแม้ว่าเราจำเป็นจะต้องเอาบุคคลเหล่านั้นมาเป็นรัฐมนตรีเพื่อให้ได้เสียงในสภาแต่ไม่ใช่ว่าจะต้องยอมให้รัฐมนตรีเหล่านี้มาหาประโยชน์ดึงเสียงสส.สว.ในสภา ไม่อย่างนั้นก็จะเข้ารูปแบบเดิมอย่างที่เคยเป็นมา ทำอย่างไรจะให้มีหลักการใหม่หากทำได้บ้านเมืองก็จะเดินไปได้ด้วยดี

สำหรับวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น นายสุจิตเชื่อว่ามาถึงจุดหนึ่งนายกรัฐมนตรีคนนอกจะออกจากตำแหน่งเพื่อให้นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งได้บริหารประเทศ เพราะถือว่าได้เข้ามาวางรากฐานประเทศแล้วซึ่งพลเอกเปรมก็ทำแบบนั้นหลังจากปกครองประเทศมา 8 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้แสดงศักยภาพและความสามารถต่อไป

เมื่อถามถึงการยอมรับนายกรัฐมนตรีคนนอกจากนานาประเทศ นายสุจิต กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าต่างชาติไม่ติดใจอะไร เพียงแต่ต้องการให้มีการเลือกตั้งและต้องการให้ประชาชนได้แสดงออกและแสดงความคิดเห็นตามกระบวนการประชาธิปไตยโดยเชื่อว่าหลังจากการทำประชามติแล้วมีการเลือกตั้งสถานการณ์ประชาธิปไตยในประเทศจะดีขึ้นตามลำดับ

เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบันมีโอกาสที่ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือไม่  นายสุจิต กล่าวว่าเป็นไปได้มาก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคนที่พรรคการเมืองเสนอชื่อมานั้นเป็นใคร คนนอกคือใครตรงนี้คือเงื่อนไขที่สำคัญ ทั้งนี้โดยมารยาทพูดลำบากที่จะระบุชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีคนนอกเป็นใคร และคนๆนั้นจะรับตำแหน่งหรือไม่ด้วย ดังนั้นการคาดคะเนไปก่อนหมือนเป็นการไปชี้ทางว่าคนนี้เหมาะสมและแรงต่อต้านจะโหมกระหน่ำจากฝ่ายค้านและคนๆนั้นอาจจะไม่รับก็ได้  ส่วนพลเอกประยุทธ์จะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือไม่ตรงนี้ตนไม่ทราบเพราะตนไม่รู้ใจนายกรัฐมนตรีตนตอบแทนไม่ได้แต่เชื่อว่าถึงเวลานายกรัฐมนตรีคงให้คำตอบเอง.-สำนักข่าวไทย

 

 

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]