อดีตกมธ.ร่างรธน.เปรียบเปรมโมเดล มีลักษณะคล้ายการเมืองช่วงนี้

S__27697288กรุงเทพฯ  4 ก.ย.-สุจิต เปรียบเปรมโมเดล มีลักษณะคล้ายการเมืองช่วงนี้ ชี้มีความเป็นไปได้ที่พรรคการเมืองจะเสนอชื่อคนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่รู้ใจพลเอกประยุทธ์ว่าจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือไม่


นายสุจิต บุญบงการ อดีตคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงข้อเสนอ”เปรมโมเดล” ว่ามองได้ว่าน่าจะเป็นการเทียบเคียงการเมืองในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2523-2531 เพราะขณะนั้นการรณรงค์ให้นายกรัฐมนตรีมาจาก ส.ส.นั้นยังเบาบางและพรรคการเมืองยังไม่เข้มแข็งมากนัก อีกทั้งพรรคเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็รู้ศักยภาพตัวเองดีว่าคงไม่มีใครขึ้นเป็นผู้นำได้ จึงให้การสนับสนุน รวมถึงประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้สึกว่าอยากได้ผู้นำที่มีความสามารถและมีความซื่อสัตย์ในการบริหารบ้านเมืองได้  ดังนั้นพลเอกเปรมจึงได้รับการผลักดันจนสามารถเป็นผู้บัญชาการทหารบกและนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นได้อย่างไม่มีปัญหา และแม้จะมีกลุ่มที่คัดค้านบ้างแต่ในที่สุดแล้วก็ให้การยอมรับทุกฝ่ายทั้งฝ่ายทหารอย่างกลุ่ม จปร.รุ่น5 กลุ่มพรรคการเมืองอย่างพรรคชาติไทยและและส.ว.บางส่วน

“ความรู้สึกตอนนั้นคิดตรงกันว่าคนไทยส่วนใหญ่ต้องการคนที่มาคุมสถานการณ์ได้และเป็นแบบอย่างในการเป็นผู้นำที่ถูกต้องที่จะมาดูแลชาติบ้านเมืองและก็ต้องเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์เพราะประชาชนเบื่อหน่ายการทุจริตในสมัยจอมพลถนอมและจอมพลประภาสเป็นผู้นำอยู่ตอนนั้น”นายสุจิต กล่าว


เมื่อถามว่า หากจะเปรียบเทียบกับในสมัยนี้จะนำเปรมโมเดล มาใช้ได้หรือไม่  นายสุจิต กล่าวว่า ส่วนตัวไม่อยากให้ใช้คำว่าเปรมโมเดล เพราะจะเป็นการไปเปรียบเทียบว่าทำไมพลเอกเปรมทำได้และพลเอกประยุทธ์จะทำไม่ได้ เพราะพลเอกเปรมพ้นจากแวดวงการเมืองไปแล้วจึงไม่อยากเปรียบเทียบ

“หากถามว่าช่วงนี้เหมาะสมหรือไม่ที่จะมีนายกรัฐมนตรีคนนอก ไม่ว่าจะเป็น คนคสช.หรืออดีตผบ.ทบ.ได้ไหม  ต้องยอมรับว่าความรู้สึกนี้มีมากเพราะประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนมากกลัวว่ารัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งมาแล้วจะเป็นแบบเก่ามีการทุจริคตคอรัปชั่นและไม่เป็นไปตามความต้องการในหลายเรื่อง จึงไม่ค่อยแน่ใจว่าการให้นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคการเมืองจะเหมาะหรือไม่ ดังนั้นหลายคนที่เชียร์พลเอกประยุทธ์ ก็เห็นว่าที่ผ่านมาท่านก็ทำงานดีเสียสละ และออกตัวว่าต้องการปูพื้นฐานประชาธิปไตยให้ประเทศแต่ไม่ได้ต้องการสืบทอดอำนาจหรือต้องการตำแหน่งอะไรต่อ ซึ่งก็เหมือนกับพลเอกเปรมตอนที่เป็นแม่ทัพภาคและย้ายมาเป็นผู้นำในกองทัพบกก็ไม่ได้แสดงอาการว่าอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นตรงนี้ก็อาจจะคล้ายกันแต่มีข้อแตกต่างคือ การเมืองเปลี่ยนแปลงไปเยอะจาก30 ปีที่แล้วที่พลเอกเปรมมีอำนาจ เนื่องจากพรรคการเมืองค่อนข้างมีความเชื่อมั่นว่าพรรคเขาจะต้องเป็นรัฐบาลและคนที่มีเสียงข้างมากควรจะได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเสียงของ ส.ส.ก็จะบอกว่าต้องเอาคนในก่อนหากไม่ได้ค่อยเอาคนนอก  แต่การต่อต้าน จะดูได้จากการเลือกตั้งว่าพรรคการเมืองนั้นๆเลือกคนที่มีความสามารถและเข้าตาประชาชนหรือไม่ซึ่งแตกต่างจากสมัยพลเอกเปรมซึ่งไม่มีคู่แข่งในขณะนั้น แต่การเลือกตั้งครั้งนี้คนก็จะพิจารณาได้ถึงความเหมาะสม”นายสุจิต กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีการวางหลักการเทียบเคียงอย่างไรหากมีนายกรัฐมนตรีคนนอกให้ปฎิบัติตามเปรมโมเดล นายสุจิต กล่าวว่าพูดลำบากแต่ในทางปฎิบัติคนไทยที่มีสิทธิมีเสียงในการลงคะแนนและนักวิชาการรวมทั้งสื่อ ก็พอจะรู้หากเทียบเคียงกับบุคคลในบัญชีรายชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่แต่ละพรรคการเมืองเสนอมากับฝ่ายที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ที่คิดว่าเป็นต่อ  ซึ่งโอกาสที่ฝ่ายการเมืองจะส่งคนที่หน่วยก้านดีคงลำบาก ดังนั้นโอกาสที่พรรคการเมืองจำเป็นต้องสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีก็อาจจะมีมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่ว่าแต่ละพรรคการเมืองจะสามารถไปเอาชื่อใครที่เหมาะสมมาเป็นนายกรัฐบมนตรีเสนอต่อประชาชนเพราะหลายคนที่มีความรู้ความสามารถแบบไทยๆคงไม่อยากออกตัวให้ชื่อปรากฎ เชื่อว่าสุดท้ายก็ต้องเป็นคนในพรรคนั้นๆอยู่ดี ดังนั้นจึงมีโอกาสที่พรรคการเมืองจะสนับสนุนนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องดูก่อนว่าพรรคการเมืองจะเอาชื่อคนที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีมาเสนอต่อประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน


เมื่อถามถึงความยากง่ายในการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรีคนนอกในสมัยนี้กับสมัยพลเอกเปรม นายสุจิต กล่าวว่าคงมีความคล้ายกันในความลำบากเรื่องดูแลพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นการปรับครม.หรือการยุบสภา แต่สิ่งสำคัญคือจะต้องมีคนช่วย ไม่ว่าจะเป็นนายทหารก็ดี นักการเมืองหรือนักธุรกิจก็ดี เพื่อเป็นคนที่จะมาต่อรองกับพรรคการเมือง แต่อยากฝากไว้ว่าอย่ายอมให้รัฐมนตรีแสวงหาผลประโยชน์อย่างที่เคยทำมา ถึงแม้ว่าเราจำเป็นจะต้องเอาบุคคลเหล่านั้นมาเป็นรัฐมนตรีเพื่อให้ได้เสียงในสภาแต่ไม่ใช่ว่าจะต้องยอมให้รัฐมนตรีเหล่านี้มาหาประโยชน์ดึงเสียงสส.สว.ในสภา ไม่อย่างนั้นก็จะเข้ารูปแบบเดิมอย่างที่เคยเป็นมา ทำอย่างไรจะให้มีหลักการใหม่หากทำได้บ้านเมืองก็จะเดินไปได้ด้วยดี

สำหรับวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น นายสุจิตเชื่อว่ามาถึงจุดหนึ่งนายกรัฐมนตรีคนนอกจะออกจากตำแหน่งเพื่อให้นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งได้บริหารประเทศ เพราะถือว่าได้เข้ามาวางรากฐานประเทศแล้วซึ่งพลเอกเปรมก็ทำแบบนั้นหลังจากปกครองประเทศมา 8 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้แสดงศักยภาพและความสามารถต่อไป

เมื่อถามถึงการยอมรับนายกรัฐมนตรีคนนอกจากนานาประเทศ นายสุจิต กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าต่างชาติไม่ติดใจอะไร เพียงแต่ต้องการให้มีการเลือกตั้งและต้องการให้ประชาชนได้แสดงออกและแสดงความคิดเห็นตามกระบวนการประชาธิปไตยโดยเชื่อว่าหลังจากการทำประชามติแล้วมีการเลือกตั้งสถานการณ์ประชาธิปไตยในประเทศจะดีขึ้นตามลำดับ

เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบันมีโอกาสที่ประเทศไทยจะมีนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือไม่  นายสุจิต กล่าวว่าเป็นไปได้มาก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคนที่พรรคการเมืองเสนอชื่อมานั้นเป็นใคร คนนอกคือใครตรงนี้คือเงื่อนไขที่สำคัญ ทั้งนี้โดยมารยาทพูดลำบากที่จะระบุชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีคนนอกเป็นใคร และคนๆนั้นจะรับตำแหน่งหรือไม่ด้วย ดังนั้นการคาดคะเนไปก่อนหมือนเป็นการไปชี้ทางว่าคนนี้เหมาะสมและแรงต่อต้านจะโหมกระหน่ำจากฝ่ายค้านและคนๆนั้นอาจจะไม่รับก็ได้  ส่วนพลเอกประยุทธ์จะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือไม่ตรงนี้ตนไม่ทราบเพราะตนไม่รู้ใจนายกรัฐมนตรีตนตอบแทนไม่ได้แต่เชื่อว่าถึงเวลานายกรัฐมนตรีคงให้คำตอบเอง.-สำนักข่าวไทย

 

 

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ อ่านแถลงการณ์ เรียกร้องนายกฯ ลาออก

28 มิ.ย. – กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ไม่หวั่นฝนตก ชุมนุมเต็มพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ทั้งบนถนนและสะพานลอย ฟังแกนนำปราศรัยและอ่านแถลงการณ์เรียกร้องนายกฯ แพทองธาร ลาออกทันที เหตุมีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศ​ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวทันที​ หลังจากผู้ชุมนุมกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ได้ร่วมกันเคารพธงชาติ นายนิติธร​ ล้ำเหลือ เป็นตัวแทน​อ่านแถลงการณ์ระบุว่า สถานการณ์การเมืองการปกครองของไทย ตั้งแต่ พ.ศ.2475 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลา 93 ปี บัดนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า บรรดาฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง การแต่งตั้ง การรัฐประหาร หรือการเลือกกันเอง มิได้มีเจตนารมณ์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งมิได้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนอย่างแท้จริง จนก่อให้เกิดวิกฤตด้านการเมือง เศรษฐกิจ กระบวนการยุติธรรม ความมั่นคง ดุลสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านคุณธรรม จริยธรรม และสังคมอย่างกว้างขวางลึกและรุนแรง เหตุมาจากการที่มีผู้ไม่นำพา ไม่นับถือยำเกรงกฎหมาย กฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมือง ทุจริตฉ้อฉล บิดเบือนอำนาจ ขาดความตระหนัก สำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล ให้ความสำคัญกับรูปแบบและวิธีการ ยิ่งกว่าหลักการพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย […]

ปะทะเดือด! คนร้ายบุกถล่มฐาน ชคต. เจ้าหน้าที่เจ็บ 2

นราธิวาส 28 มิ.ย. – ปะทะเดือด! กลุ่มคนร้ายราว 50 คน ขว้างไปป์บอมบ์และยิงอาวุธปืนสงครามถล่มฐานชุดคุ้มครองตำบลเกรียร์ จ.นราธิวาส จนเกิดการปะทะกันนานกว่า 20 นาที เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 2 นาย วินาทีเจ้าหน้าที่อีโอดีใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงยิงทำลายไปป์บอมบ์ 2 ลูก ที่ตกอยู่บริเวณฐานชุดคุ้มครองตำบลเกียร์ อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส หลังเมื่อเวลา 05.50 น. วันนี้ (28 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.สุคิริน ได้รับแจ้งคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์และอาวุธปืนสงครามบุกโจมตีฐานชุดคุ้มครองตำบลเกียร์ จึงร่วมกับทหาร ฉก.นราธิวาส, ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด, เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบลูกระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ของคนร้ายที่ขว้างเข้าไปในฐานแต่ไม่ทำงาน จำนวน 3 ลูก ลูกแรกตกอยู่ที่พื้นที่ด้านหลังหอสูงด้านซ้ายมือของฐาน ลูกที่ 2 อยู่ที่พื้นหน้าอาคารกองบังคับการ และลูกที่ 3 อยู่บริเวณด้านหลังของเรือนนอน และในระหว่างรอเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าเก็บกู้ ไปป์บอมบ์ลูกแรกก็เกิดระเบิดขึ้นเองเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเจ้าหน้าที่กันพื้นที่ไว้แล้ว ส่วนระเบิดไปป์บอมบ์อีก 2 ลูก […]

มวลชนไม่ท้อ! ฝนถล่มกางร่มฟังปราศรัย

28 มิ.ย.- ไม่ท้อ! อนุสาวรีย์ชัยฯ ฝนตกหนัก มวลชนกางร่มฟังปราศรัย ปักหลักชุมนุมต่อเนื่อง เตรียมร่วมกิจกรรมร้องเพลงชาติไทย เวลา 18.00 น. วันนี้ (28 มิ.ย. 68) เวลาประมาณ 16.30 น. ฝนตกหนักบางช่วงในพื้นที่ชุมนุมของกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย” บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขณะที่ แกนนำสลับกันขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมประกาศ 3 ข้อเรียกร้องหลัก คือ ให้นายกรัฐมนตรีลาออก พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และประชาชนลุกขึ้นปกป้องอธิปไตย สำหรับไฮไลท์ช่วงเย็นวันนี้ หลังร้องเพลงชาติ เวลา 18.00 น.​ จะมีการอ่านแถลงการณ์และมีแกนนำขึ้นปราศรัยใหญ่ ก่อนยุติการชุมนุมในเวลา 21.00 น. -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมพญาเม็งรายเริ่มลด แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน

เชียงราย 28 มิ.ย.- เริ่มคลี่คลาย! สถานการณ์น้ำท่วมพญาเม็งราย จ.เชียงราย เช้านี้ระดับน้ำลดลงแล้วกว่า 80% แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เช้าวันนี้ เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลงไปแล้วกว่า 80% เหลือเพียงคราบโคลนจำนวนมากที่ยังปกคลุมที่อยู่อาศัยและถนนหลายสาย เช้านี้มีฝนตกโปรยปรายต่อเนื่อง  ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ยังคงเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ เนื่องจากขาดแคลนสิ่งจำเป็น เช่น น้ำสะอาด อุปกรณ์ทำครัว และแหล่งพลังงาน จึงขอรับการสนับสนุนอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงฟื้นฟูพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้มณฑลทหารบกที่ 37 ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นเบื้องต้นแล้ว ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดฝนตกหนักอีกครั้ง -สำนักข่าวไทย