กสทช.เร่ง 3 ค่าย บรรเทาการสื่อสารพื้นที่พิษปาบึก

ภาคใต้ 5 ม.ค.- สำนักงาน กสทช.ประชุมด่วนกับโอเปอเรเตอร์ 3 ค่าย ทั้งดีแทค, เอไอเอส, ทรู เร่งหาทางแก้ไขปัญหาระบบสื่อสารขัดข้องในจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังพายุปาบึกขึ้นฝั่ง


การประชุมเสร็จสิ้นช่วงดึกที่ผ่านมา นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ระบุว่า สาเหตุที่ระบบการสื่อสารขัดข้อง เกิดจากเสาสัญญาณไม่มีกระแสไฟฟ้า โดยทั้งหมดเป็นเสาสัญญาณที่อยู่ปลายทาง ซึ่งจะไม่มีเครื่องกำเนิดไฟสำรองติดตั้งอยู่จะใช้ไฟจากการไฟฟ้า เมื่อไฟฟ้าดับจึงส่งผลกระทบทำให้เสาเหล่านั้นไม่ทำงาน ขณะนี้เร่งหาทางแก้ไขปัญหาระบบสื่อสารขัดข้องในพื้นที่นครศรีธรรมราชอย่างเร่งด่วน 

สรุปสำหรับความเสียหายได้ดังนี้ จำนวนสถานีฐานในภาคใต้รวมทุกค่ายมีจำนวน 14,319 สถานี แบ่งเป็นเอไอเอส 5,400 สถานี ในจังหวัดนครศรีธรรมราชดับไปประมาณ 200 สถานี และจังหวัดใกล้เคียงอีกประมาณ 20 สถานี โดยเอไอเอสได้ระดมเครื่องกำเนิดไฟสำรองเคลื่อนที่ ได้ประมาณ 100 เครื่อง ส่งไปยังพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชแล้ว


ดีแทค มีสถานีฐานอยู่ 4,400 สถานีในจังหวัดนครศรีธรรมราชดับไปประมาณ 180 สถานี ส่วนจังหวัดใกล้เคียงมีอยู่ประมาณ 37 สถานี

ส่วนทรู มีสถานีฐานอยู่ 4,519 สถานี ในจังหวัดนครศรีธรรมราชดับไปประมาณ 210 สถานี ส่วนจังหวัดใกล้เคียงมีอยู่ประมาณ 19 สถานี

ส่วนกรณีที่ประชาชนติดต่อจากพื้นที่อื่นเข้าไปปลายทางไม่ค่อยติด อาจเกิดจากกรณีที่โทรศัพท์มือถือปลายทางปิดเครื่อง เนื่องจากประหยัดแบตเตอรี่ไว้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเมื่อไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้ตามปกติ ประชาชนก็จะสามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือได้เหมือนเดิม


การแก้ไขปัญหาอันดับแรกจะทำให้การติดต่อสื่อสารในศูนย์อพยพฯ กลับมาใช้งานตามปกติ และดูแลให้สามารถใช้งานได้โดยไม่ติดขัด ส่วนตามพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชจะเร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ออกทำการแก้ไขสัญญาณ และดูแลรักษาระบบ หลังจากนี้ในพื้นที่ไฟฟ้าดับอาจทำให้เสาสัญญาณดับ เนื่องจากไม่มีไฟหล่อเลี้ยง แต่ในส่วนที่ไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้เสาสัญญาณก็จะกลับมาใช้ได้ตามปกติ

เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน กสทช. ร่วมกับโอเปอเรเตอร์ทั้ง 3 ค่าย ให้ชาวนครศรีธรรมราชใช้โทรศัพท์มือถือฟรี 50 นาที ตั้งแต่ 22.00 น. เมื่อวานนี้ ถึงเที่ยงคืนวันที่ 6 ม.ค.62 ทุกเครือข่าย และสามารถใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือได้ฟรี 1 กิกะไบต์ โดยเงื่อนไขการใช้งานจะส่งไปทาง SMS ของลูกค้าแต่ละค่าย

ส่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ใส่ใจห่วงใยประชาชนในพื้นที่ประสบภัยจากพายุโซนร้อน “ปาบึก” โดยมีมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ดังนี้  1. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่งดจ่ายกระแสไฟฟ้า เว้นแต่พื้นที่ที่มีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัย

2. ผู้ใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเลื่อนวันครบกำหนดชำระเงินออกไปจนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ สำหรับผู้ใช้ไฟรายใหญ่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยกเว้นไม่เรียกเก็บค่าดอกเบี้ย

3.เมื่อเข้าสู่เหตุการณ์ปกติ หากผู้ใช้ไฟฟ้ายื่นเรื่องขอผ่อนผัน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะพิจารณาผ่อนผันให้เป็นรายๆ ไปตามสมควร

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ และสายด่วน 1129 PEA Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ออกมาตรการกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน ให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูหลังประสบภัย เช่น การมอบเงินเพื่อสมทบทุนสร้างบ้านหลังใหม่ การซ่อมแซมทรัพย์สินของใช้จำเป็น การซ่อมแซมเครื่องจักรการเกษตร และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องในการให้ความช่วยเหลือกรณีฟื้นฟูหลังประสบภัย

ด้านธนาคารออมสิน ลูกค้าออมสินสามารถพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยได้เป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งเมื่อครบกำหนดแล้ว ให้พักชำระเงินต้นได้อีก 2-3 ปี โดยในระหว่างพักชำระเงินต้น ให้ชำระเฉพาะส่วนที่เป็นดอกเบี้ยรายเดือน 50 – 100% ของดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น โดยเงื่อนไขการพักชำระหนี้หรือการผ่อนชำระหนี้ดังกล่าว จะพิจารณาตามความรุนแรงหรือผลกระทบที่ลูกค้าได้รับ รวมทั้งต้องเป็นพื้นที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยและเป็นบุคคลที่มีที่พักอาศัยหรือสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบเสียหาย

ด้านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เตรียมวงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุน ออก 6 มาตรการ ช่วยเหลือลูกค้าประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ให้กับกรณีลูกค้าเดิมที่หลักประกันเสียหายจะ “ลดภาระดอกเบี้ยเหลือ 0% ต่อปี นาน 4 เดือนแรก

กรณีลูกค้าใหม่หรือลูกค้าเดิมที่หลักประกันเสียหาย “ให้กู้เพิ่มหรือกู้ใหม่” ดอกเบี้ยพิเศษ 3% ต่อปี นาน 3 ปี

กรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายและกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ สามารถขอประนอมหนี้ ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 4 เดือน คิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 4 เดือนแรก ไม่ต้องชำระเงินงวด

กรณีได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี

กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี และกรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้ให้ปลอดหนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]