กรุงเทพฯ 3 ม.ค. – ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานในพื้นที่ เตรียมการเฝ้าระวัง ประเมินสถานการณ์น้ำเนื่องจากอิทธิพลของพายุปาบึก
ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติรายงานว่าประเทศไทยตอนบน อากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนหนักบางพื้นที่ ปริมาณฝน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ อ.เมือง (61.5 มม.) อ.จะนะ (58.5 มม.) อ.นาทวี (41 มม.) จ.สงขลา วันที่ 3-5 มกราคม 2562 ประเทศไทยตอนบน อากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป อุณหภูมิลดลงอีกเล็กน้อย ภาคใต้มีฝนหนักบางแห่ง บริเวณอ่าวไทยคลื่นสูงประมาณ 2-3 ม.
พายุโซนร้อนปาบึกบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ห่างจากนราธิวาส ประมาณ 420 กม.กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้า ๆ คาดว่าจะเคลื่อนลงอ่าวไทย ในวันที่ 3 มกราคม 2562 และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณรอยต่อระหว่างชุมพรและสุราษฎร์ธานี ในช่วงค่ำของวันที่ 4 มกราคม 2562 ส่งผลให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง รวมทั้งคลื่นพายุซัดฝั่ง โดยมีผลกระทบวันที่ 3 มกราคม บริเวณนราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา พัทลุง วันที่ 4 มกราคม บริเวณชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง วันที่ 5 มกราคม บริเวณ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะนี้เริ่มมีฝนตกปานกลางถึงหนักบริเวณภาคใต้ตอนล่าง
ส่วนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำ ทุกภาคของประเทศ ปริมาณน้ำน้อยถึงปกติ เว้นภาคใต้ แม่น้ำเจ้าพระยา อัตราการไหลผ่าน 463 ลบ.ม./วินาที แม่น้ำมูล อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา อัตราการไหลผ่าน 0.88 ลบ.ม./วินาที แม่น้ำชี อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ อัตราการไหลผ่าน 7 ลบ.ม./วินาที แม่น้ำแม่กลอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี อัตราการไหลผ่าน 103 ลบ.ม./วินาที ส่วนแม่น้ำโขงตั้งแต่บริเวณ จ.เชียงราย จ.นครพนม ถึง จ.อุบลราชธานี ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 9.24 ม.,9.62 ม.และ 11.39 ม. ตามลำดับ คุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ค่าความเค็ม แม่น้ำบางปะกง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา (ตั้งแต่ 28 ธ.ค.61) อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง สำหรับคุณภาพน้ำเพื่อการเกษตร ค่าความเค็ม แม่น้ำนครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง ปริมาณออกซิเจนละลายน้ำ แม่น้ำนครชัยศรี ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.61)
ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ อ่างฯ ขนาดใหญ่ ปริมาณน้ำ 54,182 ล้าน ลบ.ม.(76%) ปริมาณน้ำใช้การ 30,639 ล้าน ลบ.ม.(65%) อ่างฯ ขนาดกลาง (419 แห่ง) มีปริมาณน้ำ 3,656 ล้าน ลบ.ม. (67%) ปริมาณน้ำใช้การ 3,231 ล้าน ลบ.ม. (64%) อ่างฯ น้ำมากกว่า 80% ของความจุ ที่ต้องเฝ้าระวัง (ภาคใต้) ขนาดใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ แก่งกระจาน (86%) น้ำไหลเข้าวันละ 1.02 ออก 1.30 ล้าน ลบ.ม. ปราณบุรี (90%) น้ำไหลเข้าวันละ 3.17 ออก 9.23 ล้าน ลบ.ม. และ รัชชประภา (83%) น้ำไหลเข้าวันละ 1.31 ออก 1.30 ล้าน ลบ.ม. ขนาดกลาง 20 แห่ง อ่างฯ น้ำระหว่าง 30-50% ของปริมาณน้ำใช้การ ขนาดใหญ่ 6 แห่ง ได้แก่ แม่มอก ห้วยหลวง ลำพระเพลิง มูลบน ลำนางรอง สิรินธร ขนาดกลาง 65 แห่ง อ่างฯ น้ำน้อยกว่า 30% ของปริมาณน้ำใช้การ ขนาดใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ อุบลรัตน์ 189 ล้าน ลบ.ม. (10%) ทับเสลา 25 ล้าน ลบ.ม. (17%) และกระเสียว 32 ล้าน ลบ.ม. (12%) ขนาดกลาง 41 แห่ง
ทั้งนี้ ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติเตรียมการเฝ้าระวัง ประเมินสถานการณ์น้ำเนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนปาบึก ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำภาคใต้ ฉบับที่ 1/2562 วันที่ 2 มกราคม 2562 เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์พายุ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกรมชลประทาน พิจารณาเร่งการระบายน้ำเพื่อรองรับฝนและปรับการระบายน้ำไม่ให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่ท้ายน้ำ ทั้งนี้ รองนายกฯ ฉัตรชัย สาริกัลยะ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่มีอ่างเก็บน้ำในความรับผิดชอบในพื้นที่ภาคใต้ มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 เร่งระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนและติดตามสภาพฝน และการระบายน้ำให้สัมพันธ์กับพื้นที่ท้ายน้ำเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น กรมทรัพยากรน้ำติดตามเฝ้าระวัง และแจ้งเตือนในพื้นที่เสี่ยงจากดินโคลนถล่ม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและหน่วยงานที่มีเครื่องจักรเตรียมความพร้อมในการเผชิญเหตุและการให้ความช่วยเหลือ
พร้อมมอบหมายคณะทำงานซึ่งเป็นผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมบูรณาการและติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ทั้งนี้ ขอให้ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (สสนก.) จัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องมือ สำหรับวิเคราะห์ ติดตามสถานการณ์น้ำ ให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ติดตามสภาพน้ำและพื้นที่น้ำท่วม ในช่วงที่พายุเข้าสู่ภาคใต้ จัดประชุมเพื่อเตรียมการรับสถานการณ์เนื่องจากอิทธิพลของพายุ ในพื้นที่ ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 จ.สุราษฎร์ธานี (3 ม.ค.62).-สำนักข่าวไทย