กรุงเทพฯ 2 ม.ค. – กรมชลประทานเตรียมรับสถานการณ์น้ำจากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่นปาบึก ซึ่งจะเคลื่อนตัวสู่อ่าวไทยวันพรุ่งนี้ พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน 16 จังหวัดภาคใต้ กำชับให้ปฏิบัติตามแผนการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทุกพื้นที่เสี่ยง
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า พายุโซนร้อนปาบึกคาดว่าจะเคลื่อนลงอ่าวไทยวันนี้ถึงวันพรุ่งนี้ และจะส่งผลให้วันที่ 3 -5 มกราคม 2562 เกิดฝนตกหนักทั้ง 16 จังหวัดภาคใต้ โดยจะเริ่มจากบริเวณตอนล่างของภาคก่อนแล้วขยับขึ้นมาทางตอนบน ทั้งนี้ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ห่วงใยสถานการณ์น้ำ จึงสั่งการให้กรมชลประทานติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเป็นข้อมูลในการวางแผนการระบายน้ำ
นายทองเปลว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เร่งพร่องน้ำออกจากลำน้ำต่าง ๆ ทำให้ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 2-3 เมตรเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรับน้ำจากฝนที่ตกลงในพื้นที่ สำหรับเขื่อนต่าง ๆ ได้ระบายน้ำออกจากเขื่อนไว้ล่วงหน้าแล้วเช่นกัน จากที่เขื่อนขนาดกลางส่วนใหญ่มีปริมาตรน้ำร้อยละ 70 -80 ของความจุอ่าง ได้ให้โครงการชลประทานแต่ละแห่งระบายน้ำในอ่างให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม ทั้งนี้ ต้องไม่เร่งระบายออกมากเกินไป จนเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนภาคใต้จะยังคงมีน้ำเก็บกักเพียงพอ
นายทองเปลว กล่าวเพิ่มเติมว่า พื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมีทั้งพื้นที่เกษตร พื้นที่เศรษฐกิจ และเขตเมือง หากฝนตกหนักต่อเนื่องกรมชลประทานจะทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท กำหนดพื้นที่เฝ้าระวังจุดเสี่ยงอุทกภัย ที่สำคัญได้บูรณาการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนข่าวสารสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบข่าวสารอย่างถูกต้อง ชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อป้องกันหรือลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด นอกจากนี้ ได้สำรวจตรวจสอบระบบอาคารชลประทานให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา ให้โครงการชลประทานทุกแห่งในพื้นที่ภาคใต้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมเดิมได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในพื้นที่ หากเกิดฝนตกหนักจะเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว สำหรับพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมเป็นประจำนั้น ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องมืออื่นเตรียมพร้อมไว้ด้วยแล้ว ส่วนพื้นที่เสี่ยง 75 จุดตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีลงมาทั้ง 16 จังหวัดที่ก่อนฤดูฝนสำรวจพบว่ามีอุปสรรคในการระบายน้ำ ได้แก้ปัญหาทั้งขุดลอกลำน้ำ นำสิ่งกีดขวางทางน้ำออก ขุดขยาย และขุดคลองลัด สำหรับเครื่องจักร-เครื่องมือที่กรมชลประทานจัดเตรียมไว้ตามโครงการชลประทานต่าง ๆ รวมถึงพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมในภาคใต้ ประกอบด้วย เครื่องสูบน้ำ 453 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 300 ชุด เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 82 เครื่อง รถขุด/รถแทรกเตอร์ 108 คัน รถบรรทุก/ยานพาหนะ 324 คัน และเครื่องจักรกลสนับสนุนอื่น ๆ 245 หน่วยสะพานเหล็กแบบถอดประกอบได้ 1 ชุด ซึ่งสำรองไว้ที่ภาคใต้เพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยได้อย่างรวดเร็วทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำชับให้ทุกหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ บูรณาการช่วยเหลือดูแลเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมและเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วม น้ำหลาก ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่ฤดูฝนของภาคใต้ กระทรวงเกษตรฯ ตั้งศูนย์อำนวยการและบัญชาการสถานการณ์ เพื่อติดตามประเมินสถานการณ์และเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปริมาณฝนและน้ำท่าที่จะเพิ่มขึ้น โดยทุกพื้นที่ต้องประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 16 จังหวัด เพื่อบูรณาการหน่วยงานแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงน้ำท่วมเป็นประจำ ทั้งนี้ มอบให้รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานศูนย์ฯ โดยมีสำนักแผนงานและโครงการพิเศษเป็นฝ่ายเลขานุการประสานงานกรมต่าง ๆ เข้าพื้นที่สำรวจความเสียหาย หากมีพื้นที่ประสบภัย รวมทั้งประสานความร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อช่วยเหลือประชาชนกำหนดให้ศูนย์อำนวยการฯ สรุปสถานการณ์เป็นรายวันจนกว่าสถานการณ์กลับสู่ปกติ เพื่อให้ช่วยเหลือเกษตรกรได้ทันเหตุการณ์
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ ติดตามการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมตรวจสอบส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ทุกหน่วยในพื้นที่บูรณาการกันไปดูแลช่วยเหลือเกษตรกรตามที่ได้กำหนดแนวทางไปปฎิบัติไว้หรือไม่ รวมถึงกำชับให้มีประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ (อ.พ.ก.) จังหวัด และรายงานสถานการณ์แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอในพื้นที่ด้วย เพื่อจะได้รับสถานการณ์และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้มากที่สุด และทันทีที่น้ำลดให้เร่งสำรวจความเสียหายของพื้นที่เกษตรเพื่อช่วยเหลือโดยด่วนที่สุด.-สำนักข่าวไทย