กรุงเทพฯ 1 ม.ค.-บสก. กางแผนบริหารสินทรัพย์ปี 62 มุ่งรายย่อย คาดยอดบริหารสินทรัพย์ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4-5 หรือ 17,200 ล้านบาท ภาคตะวันออกมาแรงแซงโค้งรองรับการพัฒนาเขตอีอีซี
นายสมพร มูลศรีแก้ว กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า แผนบริหารสินทรัพย์ในปี 62 มุ่งตลาดในราคาไม่สูง ผู้บริโภคจับต้องได้ โดยเฉพาะการมุ่งปรับโครงสร้างหนี้ตามความสามารถของตนเอง หากปิดภาระหนี้ไม่ได้ยังเปิดโอกาสให้ผ่อนชำระ ได้นานขึ้น 10-20 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ย MLR-3 สำหรับหนี้ NPL หากยื่นกู้ไม่ได้สำหรับยอดไม่เกิน 2 ล้านบาท แนะนำมายื่นกู้กับ BAM ได้เพื่อดูแลรายย่อย คิดอัตราดอกเบี้ย MLR-3 เช่นกัน BAM จึงมุ่งดูแลรายย่อยกำไรไม่สูงแต่ได้ปริมาณจำนวนมาก
ยอมรับว่าในปี 62 เป็นปีที่เหนื่อย แต่ยังเพิ่มเติมเป้าหมายเพิ่มขึ้นร้อยละ 4-5 หรือ 17,280 ล้านบาท เพิ่มจากเป้าหมายปี 61 จำนวน บาท 16,436 ล้านบาท เพื่อให้มีความท้ายทาย เพื่อทำผลงานให้ได้ตามเป้าหมาย ยอมรับว่าทรัพย์ที่ BAM ดูแลูอยู่ได้รับความสนในอย่างมากจากรายย่อยทั่วไป เพราะได้รีไฟแนนซ์ก่อนจำหน่ายเพื่อให้ลูกค้าได้เตรียมตัว ส่วนบ้านอยู่อาศัย ที่ดินในภาคตะวันออก มาแรงมาก ราคาปรับเพิ่มต่อเนื่อง รองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ อีอีซี หลังจากได้ถือทรัพย์สินไว้ 5-10 ปี แต่พอมีแผนพัฒนาเขตอีอีซี นับว่าสินทรัพย์ฯแปลงขนาดใหญ่แทบไม่เหลือในมือที่ บสก.ถืออยู่ในปัจจุบัน เหลือเพียงบ้านอยู่อาศัยรายย่อย
และยังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ บสก.ช่วงต้นปี 62 เพื่อขยายวงเงินซื้อสินทรัพย์จาก 2 ล้านบาทเพิ่มเป็น 3 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้เข้าไม่ถึงแหล่งทุนจากสถาบันการเงิน เพื่อให้ผู้ต้องการบ้านอยู่ได้หันมากู้เงินกับ บสก. ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากทรัพย์สินราคา 2-3 ล้านบาทยังเหลืออยู่จำวนมาก จึงเปิดให้มาทำสัญญากับ บสก. โดยไม่ต้องประเมินใหม่อีกรอบ การปรับปรุงทรัพย์ให้น่าสนใจ โดยสินทรัพย์ราคาไม่เกิน 500,000 บาทประมาณ 500 ยูนิต ราคา 1-2 ล้านบาทประมาณ 100-200 ยูนิต สำหรับราคา 3 ล้านบาท ขณะนี้สามารถซื้อบ้านเดี่ยวในชานเมืองได้มากขึ้น และยังพร้อมนำบ้านเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง กับ ธอส.แบบพร้อมอยู่อาศัย ทะยอยเพิ่มจำนวนมากมากขึ้น นายสมพร กล่าวว่า หลังจากการบริหารงานทรัพย์สินรอการขาย NPA ซึ่งได้ซื้อมาจากสถาบันการเงินหลายแห่ง จึงพอใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนหนี้ NPL บริหารได้เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ยอดเงินรวมเรียกเก็บได้ 17,000 ล้านบาท 16,436 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย