กรุงเทพฯ 5 ก.ย.-การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)ปฏิเสธไม่ได้ให้บริษัทเอกชนเข้าไปดัดแปลงรถ JR-West 4 คัน เป็นรถจัดเช่าพิเศษก่อนมีการทำสัญญาว่าจ้าง พร้อมชี้แจงเหตุเพลิงไหม้รถ JR WEST ที่โรงงานมักกะสัน เป็นเหตุสุดวิสัย แต่พนักงานสามารถควบคุมเพลิงทำให้ไม่เกิดความเสียหายแก่รถไฟ
กรณีมีสื่อมวลชนเสนอข่าวที่เกี่ยวข้องกับการเกิดเพลิงไหม้รถ JR WEST ที่โรงงานมักกะสัน เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมกับมีการตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้เกิดจากการที่มีบริษัทรายหนึ่งเข้าไปในโรงงานมักกะสันทำการดัดแปลงรถ JR-West รวม 4 คัน เป็นรถจัดเช่าพิเศษ หรือ SRT Prestige ล่วงหน้าก่อนที่จะมีการทำสัญญาจ้างกับร.ฟ.ท
อย่างถูกต้องนั้น
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการร.ฟ.ท. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องรายงานข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว โดยพบว่าประเด็นเรื่องการเปิดให้บริษัทรายหนึ่งเข้าไปในโรงงานมักกะสัน ทำการดัดแปลงรถ JR-West รวม 4 คัน เป็นรถจัดเช่าพิเศษ หรือโบกี้จัดเฉพาะ หรือ SRT Prestige นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะการเข้าไปซ่อมแซมดังกล่าวเป็นการว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้าไปทำกูบรถโดยสาร JR-west พร้อมติดตั้ง จำนวน 7 ชุด ซึ่งดำเนินการโดยฝ่ายงานพัสดุรถโดยสาร ไม่ใช่โครงการอนุมัติดัดแปลงรถ JR-West จำนวน 4 คัน ดังที่มีการเผยแพร่ข่าวออกไป
ส่วนโครงการดัดแปลงรถ JR-West เป็นรถจัดเช่าพิเศษ หรือ SRT Prestige เป็นอีกโครงการหนึ่งของร.ฟ.ท.ที่อยู่ในขั้นตอนดำเนินโครงการ ซึ่งล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการร.ฟ.ท. เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2559 ที่ประชุมได้อนุมัติให้มีการดัดแปลง JR-West ก่อนจำนวน 2 คัน แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการอนุมัติการจัดจ้างหรือเปิดให้บริษัทเอกชนเข้ามาดัดแปลงตัวรถแต่อย่างใด
นายวุฒิชาติ กล่าวอีกว่า กรณีเหตุเกิดไฟไหม้รถ JR WEST ที่โรงงานมักกะสัน จากการตรวจสอบได้รับรายงานพบว่า เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 29 สิงหาคม 2559 เจ้าหน้าที่บริษัทภัทรภัณฑ์ฯ ได้เข้าไปซ่อมแซมดัดแปลงและติดตั้งโครงกูบ รถ บนท.ป.237 โดยใช้ขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติงานดังเช่นที่ผ่านมา แต่เมื่อเวลา 10.45 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ ดำเนินการรื้อถอดโครงกูบเก่าออกโดยใช้เครื่องตัดแก๊สตัดออก ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันดับไฟเพื่อไม่ให้เพลิงลุกไหม้ไปในวงกว้างมากขึ้น เมื่อเพลิงดับลง เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาดำเนินการตรวจสอบพื้นที่เพลิงไหม้ใน รถ บนท.ป.237 โดยในส่วนโครงสร้างภายใน ภายนอกของตัวรถไม่มีความเสียหาย เนื่องจากอุปกรณ์ภายในตัวรถได้รื้อถอนออกมาหมดแล้วคงเหลือเฉพาะแต่โครงเหล็ก ส่วนค่าเสียหายที่บริษัทภัทรภัณฑ์ฯ ต้องรับผิดชอบ คือ น้ำยาสารดับเพลิงที่ใช้ไปในครั้งนี้ โดยบริษัทจะต้องนำถังดับเพลิงบรรจุก๊าซให้เต็มและส่งมอบคืนร.ฟ.ท.
นอกจากนี้เพื่อไม่ให้มีเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นอีก จึงได้สั่งการให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ของร.ฟ.ท.เข้าควบคุมการทำงานให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทเพิ่มความระมัดระวังในการใช้เครื่องมือตัดแก๊ส และเครื่องมือเชื่อมไฟฟ้า หากเกิดเหตุความเสียหายแก่ร.ฟ.ท. บริษัทจะต้องรับผิดชอบตามความเป็นจริงต่อไป-สำนักข่าวไทย