เมืองทองธานี 26 ธ.ค.- ที่ประชุม กกต.เห็นชอบค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง ส.ส.เขต คนละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท พรรคไม่เกิน 35 ล้านบาท ป้ายหาเสียงผู้สมัครขึ้นคู่กับสมาชิกพรรคได้ ชี้ขึ้นป้ายรับเงินหมาฯ ใครเสียหายดำเนินการเอง เหตุยังไม่มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการรการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี มีป้ายหาเสียง “รับเงินหมากาเพื่อไทย” ว่า การติดป้ายหาเสียงในขณะนี้ถ้าหากว่าใครเสียหายก็ต้องว่าไปตามกฎหมายอาญา เพราะยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมา แต่เมื่อพ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับป้ายหาเสียงที่มีในขณะนี้ต้องเอาลงทั้งหมด ซึ่งเมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) ที่ประชุม กกต.ได้ให้ความเห็นชอบร่างระเบียบ กกต. เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างระเบียบ กกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสนับสนุนการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.
เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจทานของสำนักงาน ก่อนที่จะนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะบังคับใช้ทันทีเมื่อพ.ร.ฎ.ออกมา โดยกำหนดค่าใช้จ่ายของผู้สมัคร ส.ส. เขตไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองไม่เกิน 35 ล้านบาท ภาพและข้อความในป้ายหาเสียงมีได้เท่าที่จำเป็น โดยภาพที่ผู้สมัครจะใช้ สามารถถ่ายคู่ได้กับผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค และสมาชิกพรรค
“ถึงแม้ขณะนี้ยังไม่ได้มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส. แต่ช่วงนี้อะไรที่จะทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต กกต. ยังสามารถที่จะตรวจสอบได้ และก็มีการเก็บข้อมูลและหลักฐานไว้แล้วในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น การจัดโต๊ะจีนระดมทุน คลิปแจกบัตรคนจน การแจกข้าวสาร แจกเงิน 100 บาท เมื่อมีการเลือกตั้งแล้ว เข้ามาเป็นผู้สมัคร การกระทำที่เขาเคยทำเอาไว้ ก่อนมี พ.ร.ฎ. ก็จะมีผลกับตัวเขาเอง กกต.ก็จะพิจารณาว่าสิ่งที่เขาทำนั้นทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมหรือเปล่า ซึ่งอาจมีผลทำให้ถูกระงับสิทธิในการสมัคร หรือ ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้” พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าว
เลขาฯ กกต. ยังกล่าวถึงการตรวจสอบคลิปแจกบัตรคนจน ว่า สำนักงาน กกต.จังหวัดยโสธร ได้ตรวจสอบแล้ว กำลังที่จะส่งเข้ามาที่ส่วนกลาง ซึ่งจะสอดรับที่มีการมาร้องที่ กกต.กลาง ก็ต้องนำมาเข้า กกต. และพิจารณาว่ามีมูลหรือไม่ ซึ่งถ้ามีมูลก็ต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวน
“ช่วงนี้ผมพยายามไม่อ่านข่าว แต่จะรออ่านสำนวนดูรายละเอียดคำให้การ และหลักฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานวัตถุ และพยานเอกสาร ว่ามีการสอบปากคำอย่างไร มีพยานวัตถุอะไรที่เข้ามาอยู่ในสำนวน เพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร แต่เราคงไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า ใครให้ถ้อยคำในสำนวนอย่างไร สามารถพูดได้แต่ขั้นตอนดำเนินการเท่านั้น” พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าว
เลขาธิการ กกต. ยังกล่าวด้วยว่า เรื่องคุณสมบัติ การดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ของนายอุตตม สาวนายน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าตรวจสอบแล้วมีมูล ก็ต้องเสนอตั้งกรรมการไต่สวน แต่ถ้าเป็นไปอย่างถูกต้องก็ยุติเรื่องไม่ดำเนินการใด ๆ .- สำนักข่าวไทย