พรรคประชาธิปัตย์ 26 ธ.ค.-กลุ่มภาคประชาชนเรียกร้องพรรคประชาธิปัตย์แสดงจุดยืนคัดค้านการผูกขาดกัญชา และพลังงาน
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และน.ส.รสนา โตสิตระกูล ในฐานะแกนนำกลุ่มประชาสังคมกัญชาเพื่อการแพทย์ของประชาชน และกลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย เข้าพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อถามจุดยืนเกี่ยวกับนโยบายด้านกัญชา และการปฏิรูปพลังงาน
นายปานเทพ ชี้ถึงปัญหาการเปิดช่องให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ผูกขาดการผลิตกัญชาเพื่อทางการแพทย์ และปัญหาเกี่ยวกับสิทธิบัตรของบริษัทยาต่างชาติ โดยนายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า นโยบายพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และมองว่ากัญชามีศักยภาพทางเศรษฐกิจด้วย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันแนวนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ ขจัดการผูกขาดทุกรูปแบบ แม้จะพยายามอ้างหลักการเพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์ แต่ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการผูกขาดหรือสัมปทาน ส่วนเรื่องสิทธิบัตรก็ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมาย
น.ส.รสนา ได้สอบถามจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับการปฏิรูปพลังงาน หลังจาก ปตท.สผ. ชนะการประมูลแหล่งปิโตรเลียมทั้งแหล่งบงกชและเอราวัณ โดยเสนอราคาต้นทุนธรรมชาติที่ 116 บาทต่อ 1 ล้านบีทียู ซึ่งเป็นราคาต้นทุนต่ำ ทำให้รัฐได้ค่าภาคหลวงน้อยลง รวมถึงการจัดประมูลในระบบแบ่งปันผลผลิต ด้วยการให้หน่วยงานของรัฐเข้าไปถือหุ้นร่วมในอัตราส่วนร้อยละ 25 ไม่สามารถทำได้จริง เพราะ ปตท.สผ.พยายามอ้างว่าเป็นหน่วยงานของรัฐอยู่แล้ว ดังนั้นการประมูลที่เกิดขึ้นจึง ไม่โปร่งใสขัดหลักธรรมาภิบาล และสอบถามต่อหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะจัดการปัญหาเรื่องเหล่านี้อย่างไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าต้องมีการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมาย หากกระบวนการมาโดยชอบแล้วภาครัฐก็ต้องปฏิบัติตามสัญญา แต่สิ่งสำคัญคือการดำเนินการให้ประโยชน์ตกอยู่กับประชาชน หากมีการเสนอราคาก๊าซที่ต่ำ ราคาก๊าซหุงต้มที่ประชาชนใช้ก็ต้องอ้างอิงตามราคาต้นทุนที่ต่ำบวกค่าตอบแทนเล็กน้อยเช่นกัน ซึ่งฝ่ายที่เป็นรัฐบาล ก็ควรพิจารณาระบบการประมูลไม่ว่าจะเป็นสัมปทาน แบ่งปันผลผลิต หรือจ้างผลิต วิธีการไหนจะทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ยืนยันหลักการ ซึ่งแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น รวมถึงฝากไปยังรัฐบาลว่าประเด็น เกี่ยวกับกัญชาหรือพลังงานในส่วนที่ยังไม่มีความชัดเจน ก็ควรรอให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็นผู้ตัดสินใจแสดงออกผ่านการเลือกตั้ง.-สำนักข่าวไทย