กรุงเทพฯ 25 ธ.ค.-น้ำมันดิบร่วงราคาต่ำสุดรอบ 18 เดือน ด้านไทยออยล์ยังคาดลงแรงเป็นช่วงสั้น ปี62ความต้องการยังเพิ่มขึ้น กำลังผลิตมีการจำกัด โดยโอเปกพลัสประเมินน้ำมันดิบดูไบ 70-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเฉลี่ย 69.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีนี้ เผยปีนี้ส่วนต่างพาราไซลีนสร้างสถิติสูงสุด
นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) คาดว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดในช่วงนี้ โดยเฉพาะวานนี้ที่ปิดตัวต่ำสุดในรอบ 18 เดือน น่าจะเป็นเพียงระยะสั้น หลังตลาดหวั่นเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทั้งปัญหาภายในสหรัฐ ,สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และกรณีการแยกตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป (Brexit) แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นขณะที่กำลังผลิตที่มีจำกัด ก็คาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปี 62 จะอยู่ที่ราว 70-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเฉลี่ย 69.50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีนี้
สำหรับในช่วงไตรมาส 4/61 คาดว่าค่าการกลั่นรวม (GIM) ที่ไม่รวมผลกระทบจากสตอกน้ำมัน จะอยู่ที่ 6.4 เหรียญ/บาร์เรล และค่าการกลั่น ( GRM )อยู่ที่ 4.1 เหรียญ/บาร์เรล ลดลงจากในไตรมาส 3/61 ที่มี GIM อยู่ที่ 7.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ GRM อยู่ที่ 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยGRM ที่ลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลจากส่วนต่าง (Spread)ราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดิบลดลงมากในรอบนับสิบปีเหลืออยู่ราว 2-3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากระดับปกติที่มีส่วนต่างจะอยู่ในระดับสองหลัก เนื่องจากเกิดจากภาวะล้านตลาดตามฤดูกาลด้วย และแนวโน้มอนาคตผลิตภัณฑ์เบนซินก็มีโอกาสที่จะถูกทดแทนด้วยรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
อย่างไรก็ตาม Spread ผลิตภัณฑ์พาราไซลีน ( PX )กับเบนซิน สูงขึ้นมาก โดยปัจจุบันอยู่ที่ราว 540 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งเป็นผลมาจาก โรงงานพาราไซลีนแห่งใหม่ในโลกล่าช้ากว่าแผนงานที่กำหนด
สำหรับราคาน้ำมันดิบปิดวานนี้ (24 ธ.ค.) อ่อนค่าในรอบ 18 เดือน น้ำมันเวสต์เท็กซัสปิดที่ 42.53 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบดูไบปิดที่ 53.39 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และช่วงครึ่งเดือนแรกของ ธ.ค.น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ราว 59.60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับราคาปิดสิ้นปี 60 อยู่ที่ 61.60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 61 อาจจะมีผลขาดทุนจากสตอกน้ำมันบ้างเล็กน้อย
นายอธิคมกล่าวว ปี 62 คาดตลาดน้ำมันสำเร็จรูปของโลกน่าจะขยายตัวประมาณ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประมาณ ร้อยละ1 ความต้องการน้ำมันที่เพิ่มคิดว่ากำลังกลั่นของโลกน้อยกว่าความต้องการน้ำมันสำเร็จรูป ทำให้คาดว่าน้ำมันสำเร็จรูปน่าจะตึงตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่กำลังผลิตหรือ supply ก็เริ่มเห็นชัดในด้านของน้ำมันดิบที่โอเปกและนอนโอเปกจะลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ช่วยพยุงราคาน้ำมันกลับมาได้ไม่อ่อนตัวมากเกินไป
“แผนธุรกิจปี 62 บริษัทคาดGIM ไม่รวมผลกระทบจากสตอกน้ำมันไว้ที่ระดับ 8.9 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาด 6.9 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนGRM คาดจะเพิ่มจากปีนี้ 4.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขึ้นมาอยู่ที่ 6.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปีหน้า จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีข้อจำกัดจากการผลิตน้ำมันของกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันโอเปกพลัส ในขณะที่ส่วนต่างPX มีแนวโน้มอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากปีนี้ หลังจะมีกำลังการผลิตใหม่ในตลาดโลกทยอยเข้าระบบ แม้ความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้น”นายอธิคมกล่าว
สำหรับปีหน้าอัตราการใช้กำลังการกลั่นจะลดลงมาอยู่ที่ราว ร้อยละ103 จากระดับร้อยละ 111-112 ในปีนี้ เนื่องจากมีแผนหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นน้ำมันมากกว่าในปีนี้ และบริษัทยังเดินหน้าแผนเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต (productivity improvement) เพื่อลดต้นทุนเพิ่มกำไร วางเป้าหมายจะเพิ่มได้ราว 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือประมาณ 3,000 ล้านบาทในปี 62 จากปีนี้ที่ทำได้สูงกว่าเป้าหมายจาก เดิม วางไว้ 50 เซนต์ต่อบาร์เรล หรือ 1,500 ล้านบาท แต่ทำได้ถึง 1.25 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือประมาณ 4,600 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมในปี 61 คาดว่าจะมียอดขายรวมประมาณ 300,00 ล้านบาท ลดลงจากระดับ 337,000 ล้านบาทในปี 60 จากราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะที่กำไรจะปรับลดลงจาก 24,900 ล้านบาทในปีที่แล้วที่นับเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากมาร์จิ้นที่ลดลง ในขณะที่ปี 62 คาดการณ์ว่าส่วนต่าง PX จะอยู่ที่ 360 เหรียญ/ตัน จากเฉลี่ย 380 เหรียญ/ตันในปีนี้-สำนักข่าวไทย