กรุงเทพฯ 6 ก.ย.- ทีมชาติไทยจะลงสนามพบกับญี่ปุ่น ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ค่ำวันนี้ พาไปเช็กความพร้อมของทั้งสองทีม
นักเตะ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ของโค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่นัดแรกบุกไปพ่ายซาอุดีอาระเบีย 0-1 จะหมดสิทธิ์ใช้งานมิดฟิลด์ตัวเก่งอย่าง สารัช อยู่เย็น ที่ได้รับใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงหลังจบเกม ทำให้ต้องถูกแบนโดยอัตโนมัติ แต่ “โค้ชซิโก้” ก็ได้เรียกกองกลางตัวรับอย่าง อดุล หละโสะ เข้ามาเสริม นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บ หรือต้องรอเช็กสภาพความฟิตเพิ่มเติม
โดย 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามในระบบ 4-3-3 ของทีมชาติไทย จะยึดตามเกมที่แล้วทั้งหมด แต่จะส่ง ชาริล ชัปปุยส์ กองกลางขวัญใจแฟนบอลสาวๆ ลงทำหน้าที่แทน “เจ้าตัง” ในเกมนี้ ผู้รักษาประตู : กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ กองหลัง : ธีราทร บุญมาทัน, กรวิทย์ นามวิเศษ, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ทริสตอง โด กองกลาง : ชาริล ชัปปุยส์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ปกเกล้า อนันต์ กองหน้า : เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, ธีรศิลป์ แดงดา, มงคล ทศไกร
ด้านขุนพล “ซามูไรบลู” ของ วาฮิด ฮาลิลฮอดซิช อดีตกุนซือทีมชาติแอลจีเรีย ที่ยอมรับว่าลูกทีมของเขามีอาการล้านิดหน่อย หลังเกมพ่ายยูเออีคาบ้าน 1-2 แล้วต้องขนพลเดินทางมาประเทศไทยแทบจะในทันที คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง 11 ผู้เล่นคนแรกจากเกมล่าสุดเพียงรายเดียว ส่ง ทาคุมะ อาซาโนะ ทำเกมริมเส้นฝั่งซ้ายแทน ฮิโรชิ คิโยตาเกะ นอกนั้นยึดแกนหลักชุดเดิมทั้งหมด
11 ผู้เล่นญี่ปุ่น ในระบบ 4-5-1 ผู้รักษาประตู นิชิคาวะแนวรับมีซาคาอิ, โมริชิเงะ, โยชิดะ, ซาคาอิ แดนกลาง เคสุเกะ ฮอนดะ, ชินจิ คางาวะ, โอชิมะ, ฮาเซเบะ, ทาคุมะ อาซาโนะ โดยมี ชินจิ โอกาซากิ เป็นตัวเป้า
สำหรับทีมชาติไทย และทีมชาติญี่ปุ่น พบกันมาทั้งหมด 17 นัดจากการบันทึกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เป็นทีมชาติญี่ปุ่น (ยิงได้ 43 ประตู) ทำผลงานได้ดีกว่า ชนะ 13 เสมอ 3 และทีมชาติไทย (ยิงได้ 11 ประตู) ชนะ 1 นัดเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย