นายก ร่วมประชุมครม.ไทย-ลาวครั้งที่ 3 พัฒนาความเชื่อมโยงทุกมิติ

เวียงจันทน์ 14 ธ.ค.- นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีสปป.ลาว ร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย – ลาว ครั้งที่ 3 เห็นพ้องพัฒนาความเชื่อมโยงทุกมิติ ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมให้เป็นรูปธรรม ขณะที่ไทย ให้คำมั่นในการเป็นประธานอาเซียนในปี 2019 จะผลักดันความยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียนทุกด้าน  


“กมลเนตร นวลจันทร์” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ติดตามภารกิจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เดินทางมาร่วมการประชุมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-ลาว ครั้งที่ 3 (Joint Cabinet Retreat : JCR) ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว ) ระหว่างวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้ รายงานว่า นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-ลาว ครั้งที่ 3 ที่หอประชุมแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีสปป. ลาว ในช่วงก่อนการประชุมฯ เต็มคณะว่า ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือในการ ยกระดับ ความร่วมมือให้เป็นหุ้นส่วนเพื่อความเจริญและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งไทยและลาว จำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนของสองประเทศได้รับประโยชน์จากการพัฒนา และความเชื่อมโยงที่จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง 


รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะผลักดันและเร่งรัดความร่วมมือต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าและได้ผลเป็นรูปธรรม อาทิ ด้านเศรษฐกิจ ไทยยืนยันสนับสนุนนโยบายของลาวในการปรับประเทศจากที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล หรือ Land-locked  ให้เป็นศูนย์รวมและกระจายสินค้าของลุ่มน้ำโขง  หรือ Land-linked และนโยบายการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งออกของ สปป. ลาว และจะร่วมมือกันเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด 

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ทั้งสองประเทศได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ร่วมด้านการพัฒนา ไทย-ลาว (Joint Development Strategy: JDS) เพื่อสอดประสานการพัฒนาระหว่างกันให้ยั่งยืนในทุกมิติโดยจะร่วมกันลดอุปสรรคการค้า การลงทุน ส่งเสริมการท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อที่สอดคล้องกับแผนแม่บท ACMECS ในระดับอนุภูมิภาค นายกรัฐมนตรี ยังให้คำมั่นว่าในโอกาสที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2019 พร้อมทำงานร่วมกันกับลาวและกับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียนในทุกด้าน

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า ระหว่างการประชุมฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินความร่วมมือใน 3 มิติ ได้แก่ 1. มิติด้านการเมืองและความมั่นคง โดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายสะเหลิมไซ กมมะสิด รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ สปป. ลาว เห็นพ้องที่จะรักษาความสงบตามแนวชายแดน เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนตามแนวชายแดน


2.มิติด้านเศรษฐกิจ โดยพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายสมดี ดวงดี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน สปป.ลาว เห็นพ้องที่จะพัฒนาความเชื่อมโยง ทั้งด้านการท่องเที่ยว คมนาคม เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนแก่ทั้งสองฝ่าย 

และ 3.มิติด้านสังคมและการพัฒนา โดยพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีและนายสอนไซ สีพันดอน รองนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าความร่วมมือระหว่างไทย- ลาว ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์พิเศษที่ประชาชนของสองประเทศมีระหว่างกัน และบนพื้นฐานของความเคารพ ความไว้เนื้อเชื่อใจและความเข้าใจอันดีต่อกัน

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ขณะที่การเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม อาทิ การส่งเสริมการเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจเชียงใหม่ -เวียงจันทน์ โดยการร่วมมือกันพัฒนาถนนหมายเลข 11 (R 11) การซ่อมแซมบูรณะความเสียหายสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม – คำม่วน) และแห่งที่ 4 (เชียงของ – ห้วยทราย) การดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) และการศึกษาความเหมาะสมในการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 6 (อุบลราชธานี – สาละวัน) การยกระดับจุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก จังหวัดพะเยาของไทย รวมถึงการเร่งรัดเปิดใช้พื้นที่ควบคุมร่วม (Common Control Area: CCA) จุดแรกระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่บริเวณด่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร – สะหวันนะเขต)

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นควรให้เกิดการเชื่อมโยงในอนุภูมิภาค เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ตามเป้าหมาย 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2564 ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของลาวด้วย การจัดทำความตกลงว่าด้วยการเดินทางข้ามแดนไทย – ลาว การยกระดับด่านของสองฝ่ายให้มีความเท่าเทียมกัน และการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ร่วมเพื่อการพัฒนาไทย – ลาว  รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านช่องทางคมนาคมทั้งทางบก ทางราง และทางน้ำ รวมถึงใช้ประโยชน์จากระบบโลจิสติกส์ของไทยเพื่อเชื่อมต่อกับ EEC ซึ่งเป็นประตูออกสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ทางด้าน นายกรัฐมนตรีแห่งสปป.ลาว ยังยืนยันความพร้อมที่จะสนับสนุนบทบาทไทยในฐานะประธานอาเซียน ในปี 2019 พร้อมขอบคุณน้ำใจคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมที่แขวงอัตตะปือ ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยยืนยันให้ความร่วมมือกับสปป.ลาว ในการเร่งฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว  โดยจะดำเนินโครงการสร้างที่พักให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ซ่อมแซมสะพานที่แขวงอัตตะปือ และให้ความร่วมมือด้านนิติวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวตามที่ฝ่ายลาวประสงค์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ได้มีพิธีมอบเงินช่วยเหลือให้ฝ่ายลาวจากการที่รัฐบาลไทย เปิดรับบริจาคจากประชาชน ในนาม “น้ำใจไทยสู่ สปป.ลาว” กรณีอุทกภัย แขวงอัตตะปือ เพื่อนำไปฟื้นฟู มูลค่า 75 ล้านบาท และ พิธีมอบอาคารโครงการพัฒนาวิทยาลัยพละศึกษา สปป.ลาว มูลค่า 50 ล้านบาท

จากนั้น นายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีไทย-สปป.ลาว เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผลงานความร่วมมือพลังงานไฟฟ้าครบรอบ 50 ปี สายส่งสายสัมพันธ์พลังงานลาว-ไทย มั่นยืน ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในเวลา 16.00 น.  .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก