อสมท 13 ธ.ค.- คลังปรับเกณฑ์แจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใหม่ ดูรายได้รวมทั้งครอบครัวหลังวิจารณ์สนั่นโซเชียล “คนจนจริง” ไม่ได้บัตร ส่วน “คนมีบัตร” ใส่ทองกด 500 โชว์เฟซบุ๊ก
เรื่อง ผู้มีรายได้น้อย ยังคงเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์จนทำให้เกิดการปรับหลักเกณฑ์การแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในการลงทะเบียนผู้มีสิทธิ์รับบัตรรอบใหม่ปี 2562 เพราะแม้ว่าหญิงสาวที่โพสต์โชว์บัตรคนจนแต่สวมสร้อยคอทองคำ จะออกมายืนยันว่าไม่ได้ร่ำรวยอะไร ตนเองทำงาน และใช้เงินเก็บ มาซื้อทองคำใส่ แต่ก็มีการตั้งคำถามตามมาว่าทำไมคนจนจริงๆ ถึงไม่ได้บัตร
เรื่องนี้พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งกระทรวงการคลังไปสอบเลยว่า ใครจนไม่จริงต้องเรียกเงินคืนหลวง และถ้าไม่ใช่คนจนจริงๆ ก็ให้ถอนสิทธิ์ ด้านกระทรวงการคลังก็รับลูกเช่นกัน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่ากระทรวงการคลังจะประเมินผลการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในวันจันทร์ที่ 17 ธันวาคมนี้ โดยยอมรับว่ายังต้องปรับปรุงแก้ไขในบางจุด เช่น การลงทะเบียนรายบุคคลอาจไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะเป็นการตรวจสอบคุณสมบัติรายบุคคลเท่านั้น ถ้าไม่มีรายได้ ไม่ได้ครอบครองทรัพย์สินอะไร ก็จะได้รับสิทธิ์ ไม่ได้ตรวจสอบรวมถึงครอบครัวด้วย บางครอบครัวมีฐานะดี ทรัพย์สินอยู่ในชื่อคนอื่น จึงมีเหตุการณ์ว่าทำไมมีฐานะดีแล้วยังได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนั้นการลงทะเบียนรอบใหม่ในปี 2562 ต้องลงทะเบียนทั้งรายบุคคลและลงทะเบียนครอบครัวด้วย เพื่อจะทำให้เห็นว่า ครอบครัวไหนรายได้ดีหรือไม่ดี เชื่อว่าจะคัดครองผู้มีรายได้น้อยจริงๆ ได้มากขึ้น และให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ไปตรวจสอบผู้มีรายได้ที่อาจจะขาดคุณสมบัติ หากพบขาดคุณสมบัติก็จะถูกตัดสิทธิ และนำเงินกลับคืนทันที เพราะการให้เงิน 500 บาท เพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อยจริงๆ ให้มีค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปี
นอกจากเงิน 500 บาทที่ใส่ในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้มีรายได้น้อยแล้ว ก็ยังมีเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับ ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 400 บาท/คน/เดือน ให้เป็นเวลา 10 เดือน ตั้งแต่ ธ.ค.61 – ก.ย. 62 ซึ่งโอนตั้งแต่เมื่อวานนี้
วันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) จะมีการโอนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเดือนแรก มีจำนวน 362,531 ราย เป็นเงิน 4,400,000 บาท ส่วนในเดือนถัดไปจะคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ทุกวันที่ 15 ของเดือน
ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ จะมีค่าช่วยเหลือ ค่าเดินทางไปรักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ที่อายุเกิน 65 ปีขึ้นไป อีก 1,000 บาท จำนวน 3,500,000 คน รวมวงเงิน 3,500 ล้านบาท
ขอย้ำเงินในบัตรไม่จำกัดเวลาการใช้ และไม่มีการดึงเงินกลับคืน ดังนั้นไม่ต้องต่อคิวกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มแบงก์กรุงไทย เพราะหลายพื้นที่ยังมีคนไปเข้าแถวกดเงินสด และยังสามารถนำไปใช้ร่วมกับวงเงินในบัตรสวัสดิการ ไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นผ่านทางร้านธงฟ้าก็ได้
ส่วนยอดการโอนเงิน 500 บาท กรมบัญชีกลาง บอกว่ามีการจ่ายเงินแล้วทั้งสิ้น 11.3 ล้านราย เป็นเงิน 5,660 ล้านบาท กดเงินสดออกไปแล้ว 4.6 ล้านราย รวมเงิน 2,300 ล้านบาท
เพิ่มเติมขอแจ้งถึงผู้ที่ลงทะเบียนเพิ่มเติมในกลุ่มผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ที่ยังไม่ได้บัตร ขณะนี้กำลังผลิตบัตรจำนวนประมาณ 3 ล้านใบ ซึ่งจะจัดส่งบัตรไปยังสำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 แห่งทั่วประเทศ และศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อส่งต่อไปยังผู้มีสิทธิ์ โดยจะเริ่มแจกบัตรให้กับผู้มีสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2561 จนถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม 2561 เพื่อจะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป.-สำนักข่าวไทย