กทม.12 ธ.ค.-ตำรวจรู้ตัวมือฉกเพชร 10 ล้าน เคยต้องโทษคดีลักษณะเดียวกัน ขออนุมัติศาลออกหมายจับวันนี้(12 ธ.ค.)
พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายลวงเปิดร้านรับซื้อเครื่องประดับ ก่อนปิดร้านขังผู้เสียหาย พร้อมนำเพชร 10 กะรัตมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทหลบหนี เหตุเกิดช่วงบ่ายวานนี้(11 ธ.ค.)
วันนี้(12 ธ.ค.) ทีมสอบสวนได้เชิญนายวิกกิ้ หรือ Vaibhav Jain ผู้เสียหายชาวอินเดีย มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สน.บางรัก ขณะเดียวกันมีการประชุมทีมสืบสวน โดยนำภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งบันทึกภาพขณะคนร้ายก่อเหตุและหลบหนีไปตามถนนสายต่างๆ พร้อมแผนประทุษกรรมของคนร้าย มาวิเคราะห์พยานหลักฐานมัดตัวใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ระบุว่า เบื้องต้นพบคนร้ายที่ก่อเหตุมีมากกว่า 1 คน คนร้ายมาเช่าอาคารและฉกเพชรหลบหนีไปชื่อนายเอ มีประวัติ เคยถูกจับในคดีลักษณะนี้เมื่อปี 2559 ในพื้นที่ของ สภ.บางบัวทองจังหวัดนนทบุรี พนักงานสอบสวนไปขออนุมัติหมายจับจากศาลแล้ว ส่วนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีอยู่ระหว่างขยายผลหาความเกี่ยวข้อง ส่วนเพชรมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ล่าสุด ผู้เสียหายนำใบรับประกันมายืนยันแล้ว อยู่ระหว่างขยายผลถึงสาเหตุที่นำเพชรมูลค่าสูงมาขายที่ร้านดังกล่าวทั้งที่สภาพร้านไม่ได้มีความน่าเชื่อถือ
เมื่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ลงพื้นที่เกิดเหตุพบว่า จุดเกิดเหตุเป็น อาคารพาณิชย์ลักษณะห้องแถวแบ่งให้เช่า 1 คูหา ภายในมีโซฟาที่คนร้ายพึ่งย้ายเข้ามารวมถึงภาพโปสเตอร์อัญมณีต่างๆแต่ไม่พบว่ามีตู้โชว์ อัญมณีแต่อย่างใด โดยประตูร้านซึ่งเป็นกระจกแตกได้รับความเสียหาย ตำรวจได้นำป้ายมาติดห้ามเข้าพื้นที่
ด้านนายณรงค์ หงษ์ชัยวัฒน์ ผู้พักอาศัยอยู่ข้างห้องที่เกิดเหตุ เล่าว่าก่อนเกิดเหตุพบความผิดปกติหลายอย่าง โดยคนร้ายเพิ่งจะมาเปิดร้านรับซื้อเครื่องประดับเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ช่วงแรกไม่ทราบว่าคนร้ายมาเช่าร้านทำกิจการใด เพราะไม่เห็นอุปกรณ์หรือเครื่องประดับ วันเกิดเหตุ เห็นคนร้ายออกมายืนที่หน้าร้านท่าทางมีพิรุธหลายครั้ง ขณะเดียวกันพบว่า คนร้ายที่เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ พาหลบหนีมาจอดรออยู่ฝั่งตรงข้ามตั้งแต่เวลา 09.00 น. ก่อนจะมีการก่อเหตุฉกเพชร แล้วหนีขึ้นรถจักรยานยนต์ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งขณะเกิดเหตุ ตนไม่ได้ยินเสียงใดๆ เพราะอยู่ภายในร้านกระทั่งได้ยินเสียงกระจกแตกจึงออกมาดูและพบว่าคนร้ายซ้อนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย



