ยังไม่เคาะ “ขึ้นค่าตั๋วรถเมล์” รอ 14 ธ.ค.นี้

กทม. 11 ธ.ค.- ใครที่รอลุ้นว่า รถเมล์จะปรับขึ้นราคาเท่าใดวันนี้ ก็ต้องไปลุ้นอีกครั้งวันศุกร์นี้ พร้อมๆ กับการประกาศผลผู้ชนะโครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ส่วนวันนี้ จีพีเอสซี ก็ลุ้นระทึกเช่นกัน กับการประชุม กกพ.ว่าจะพิจารณาผลอุทธรณ์ไม่ให้เกิดการซื้อหุ้นโกลว์พลังงาน ในขณะที่แนวโน้มค่าไฟฟ้าปีหน้าแม้จะปรับขึ้นบ้างแต่ก็เล็กน้อยเท่านั้น


คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางมีการประชุมวันนี้ว่า การพิจารณาวาระเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าโดยสารระเมล์ในวันนี้ ได้รับฟังความเห็นทุกด้าน ทั้งเอกชน ทั้งผู้โดยสาร กรรมการส่วนใหญ่มีความเห็นว่าจะต้องมีการพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมหลายประเด็นทั้งเรื่องจำนวนรถเก่าและใหม่ มาตรฐานการให้บริการ และที่สำคัญ หากปรับหรือไม่ปรับราคา จะมีการมาตรการเยียวยา ความเดือดร้อน ทั้งกรณีผู้โดยสาร และผู้ประกอบการอย่างไร เป็นเรื่องใหญ่ โดยคณะกรรมการจะมีการพิจารณามาตรการเยียวยาเพิ่มเติมวันที่ 14 ธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปและชี้แจงให้ประชาชนรับทราบต่อไป โดยข้อเสนอที่ประชุมพิจารณาคือ คือ ในส่วนของ รถเมล์ร้อน อาจปรับขึ้น 1 บาท ส่วนรถร่วมบริการ จาก 9 บาท เป็น 10 บาท ขณะที่รถปรับอากาศปรับระยะละ 1 บาท จาก 13 -25 บาท เป็น 14-26 บาท 

ส่วนวันที่ 14 ธันวาคม ต้องรอลุ้นโครงการเมกะโปรเจคส์ 2 แสนล้าน เพราะจะมีการประกาศผลผู้ชนะประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา หลังเปิดซองเสนอราคาแล้ว ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มร่วมทุน 2 กลุ่มใหญ่ที่รอลุ้น ก็คือ บีทีเอส และซีพี 


ด้านคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. เป็นองค์กรอิสระด้าน พลังงาน มีนายเสมอใจ ศุขสุเมฆ เป็นประธาน ได้แถลงข่าวเปิดใจถึงการทำงาน เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า แม้ ค่าไฟฟ้างวดแรกในปีหน้า จะขยับขึ้นมา 4 สตางค์เศษๆ  มีผลตั้งแต่ปีใหม่นี้ไปจนถึงเดือนเมษายน แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ ติดลบ โดยค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือเอฟทียังคงติดลบถึง 11.60 สตางค์ต่อหน่วย ถือว่าต่ำมาก หากค่าไฟฟ้าจะเปลี่ยนแปลงก็คาดว่าจะไม่ถึงระดับ 0 สตางค์แน่นอน โดยค่าไฟฟ้าก็ขึ้นกับค่าก๊าซธรรมชาติและอัตราแลกเปลี่ยน โดยก๊าซก็ผันแปรตามราคาน้ำมัน ซึ่งก็โชคดีที่ราคาน้ำมันลดต่ำลง

และในวันนี้ กกพ.ก็มีการพิจารณา ข้ออุทธรณ์ของจีพีเอสซีในเครือ ปตท.ที่อุทธรณ์มติ กกพ. ซึ่งห้ามไม่ให้มีการซื้อกิจการโกลว์พลังงาน โดยจะเปิดเผยผลประชุม วันที่ 13 ธันวาคมนี้ ซึ่งขณะนี้ ก็มีการคาดการณ์ของสื่อว่า กกพ.คงจะคงมติเดิมไม่ให้เกิดการซื้อกิจการดีลแสนล้านบาทเช่นเดิม เพราะอาจจะเกิดการผูกขาดกิจการไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งเดิมนั้น กกพ.ให้เหตุผลว่า ไม่ให้ควบรวมเพราะไม่ต้องการให้เกิดการผูกขาด ,ไม่ต้องการลดและจำกัดการแข่งขัน  


นอกจากนี้  ประธาน กกพ. ระบุด้วยในส่วนของการทำงาน กกพ.จะมีการปรับหลักเกณฑ์ให้สะท้อนเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ทั้งบล็อกเชน ระบบโซลาร์รูฟท็อปเสรี เทคโนโลยนีการขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวด้วยรถยนต์ โดยยอมรับว่า เทคโนโลยีอาจทำให้เอกชนผลิตไฟฟ้ามากขึ้น และ 3 การไฟฟ้า และ ปตท.อาจจะแข่งขันได้ยากลำบาก ต้องลดการการผลิตไฟฟ้าและก๊าซ และปรับตัวเองไปบริการในลักษณะการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพเท่านั้น   

ส่วนเรื่องวุ่นที่มีคนต่อคิวไปกดเงินของขวัญปีใหม่ 500 บาทสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจนเอทีเอ็มกรุงไทยเกิดปัญหา และมีการวิพากษณ์วิจารณ์กันหนักมาก ว่าเป็นการหาเสียง มีการใช้เงินไม่ถูกประเภท บางคนโชว์ว่าไปซื้อสุราบ้าง วันนี้ คุณอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำว่าเงินในบัตรไม่จำกัดเวลาการใช้ และไม่มีการดึงเงินกลับคืน  ชาวบ้านยังนำไปใช้ร่วมกับวงเงินในบัตรสวัสดิการ ลดภาระค่าครองชีพ 200 หรือ 300 บาท/เดือน เพื่อนำไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นผ่านทางร้านธงฟ้าหรือร้านค้าเอกชนอื่น ๆ ที่รับบัตรสวัสดิการ

ทั้งนี้ ขอย้ำว่าผู้มีรายได้น้อยไม่ต้องรีบไปกดเงินสดออกมาใช้จ่าย เนื่องจากเงินยังคงอยู่ในบัตรและสามารถนำไปซื้อสินค้าที่ห้างค้าปลีกที่รับบัตรสวัสดิการได้หลายแห่งและยังมีโปรโมชั่นได้รับเงินคืนหรือสามารถลดการซื้อสินค้าด้วย เพราะตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2561 เพื่อชดเชยคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ร้อยละ 5 กลับเข้ามายังบัตรสวัสดิการฯ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

และวันพรุ่งนี้ (12 ธ.ค.)  กรมบัญชีกลางจ่ายเงินสนับสนุนค่าเช่าบ้านรายละ 400 บาท ให้ผู้สูงอายุ เป็นวันแรกอีก 230,000 ราย ซึ่งเงินยังคงอยู่ใบบัตรไม่จะเป็นต้องไปรีบถอนออกมาใช้จ่ายแต่อย่างใด และวันที่ 14 ธันวาคมกรมบัญชีกลางจะโอนเงินคืนค่าภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการเดือนแรก หลังจากนั้นวันที่ 21 ธันวาคมจะโอนเงินสนับสนุนค่าเดินทางให้ผู้สูงอายุที่ไปรักษาพยาบาลอีกรายละ 1,000 บาท  

ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลกรณีหญิงวัยกลางคนสวมใส่ทองรูปพรรณขับรถยนต์ใช้บัตรสวัสดิการฯ ไปกดเงิน 500 บาทนั้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ทำการตรวจสอบ หากพบว่าขาดคุณสมบัติหญิงรายดังกล่าวอาจถูกตัดสิทธิ์ได้  สำหรับการเรียกเงิน 500 บาทคืนนั้น เป็นหน้าที่ของกรมบัญชีกลาง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายห้ามเข้าออก

บ่อนดังย่านดอนเมืองปิดเงียบ ขึ้นป้ายพื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าออก พบปิดกิจการตั้งแต่ 16 มี.ค.63 ขณะที่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งโดยรอบ

ฮั้วเลือก สว.67

ประธานวุฒิสภา นำทีมแถลงด่วน โต้คดีฮั้วเลือก สว.67

ประธานวุฒิสภา นำทีมแถลงด่วน โต้คดีฮั้วเลือก สว.67 เชื่อเป็นเกมการเมือง หวังเกิดวิกฤต รธน. เพื่อรื้อใหม่ทั้งฉบับ ขู่ใช้ช่องทางกฎหมายกลับ หากทำเสียหาย-บั่นทอนความเชื่อมั่น เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี จวก “ทวี” กล่าวหาอั้งยี่ ซ่องโจรทำวุฒิเสื่อมเสีย พร้อมเปิดเวทีซักฟอก

ไทยเข้าฤดูร้อน

กรมอุตุฯ ประกาศเข้าสู่ฤดูร้อนของไทย 28 ก.พ.68

กรมอุตุนิยมวิทยา เตือน 23-25 กุมภาพันธ์นี้ ไทยตอนบนอากาศแปรปรวน ภาคใต้ฝนตกหนัก ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร พร้อมประกาศประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ 28 ก.พ.68 จนถึงกลางเดือน พ.ค.

“ไทย จีน เมียนมา” จับมือโชว์ภารกิจราบรื่น ส่งชาวจีนกลับประเทศ

“ไทย จีน เมียนมา” จับมือโชว์แสดงผลภารกิจราบรื่น ส่งชาวจีนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ 200 คน ปรับแผนจีนส่งเครื่องบินรับอีก 400 คน สองวันติด “ภูมิธรรม” เผยพร้อมเสนอนายกฯ เซ็นตั้ง ศปช.ส่วนหน้า ทำงานให้ชัดเจน มีกฎหมายรองรับผู้ปฏิบัติ ย้ำไทยไม่ตั้งศูนย์อพยพรองรับเหยื่อที่เหลือ แต่ประสานให้ต้นทางรับกลับทันที