ยังไม่เคาะ “ขึ้นค่าตั๋วรถเมล์” รอ 14 ธ.ค.นี้

กทม. 11 ธ.ค.- ใครที่รอลุ้นว่า รถเมล์จะปรับขึ้นราคาเท่าใดวันนี้ ก็ต้องไปลุ้นอีกครั้งวันศุกร์นี้ พร้อมๆ กับการประกาศผลผู้ชนะโครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ส่วนวันนี้ จีพีเอสซี ก็ลุ้นระทึกเช่นกัน กับการประชุม กกพ.ว่าจะพิจารณาผลอุทธรณ์ไม่ให้เกิดการซื้อหุ้นโกลว์พลังงาน ในขณะที่แนวโน้มค่าไฟฟ้าปีหน้าแม้จะปรับขึ้นบ้างแต่ก็เล็กน้อยเท่านั้น


คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางมีการประชุมวันนี้ว่า การพิจารณาวาระเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าโดยสารระเมล์ในวันนี้ ได้รับฟังความเห็นทุกด้าน ทั้งเอกชน ทั้งผู้โดยสาร กรรมการส่วนใหญ่มีความเห็นว่าจะต้องมีการพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมหลายประเด็นทั้งเรื่องจำนวนรถเก่าและใหม่ มาตรฐานการให้บริการ และที่สำคัญ หากปรับหรือไม่ปรับราคา จะมีการมาตรการเยียวยา ความเดือดร้อน ทั้งกรณีผู้โดยสาร และผู้ประกอบการอย่างไร เป็นเรื่องใหญ่ โดยคณะกรรมการจะมีการพิจารณามาตรการเยียวยาเพิ่มเติมวันที่ 14 ธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปและชี้แจงให้ประชาชนรับทราบต่อไป โดยข้อเสนอที่ประชุมพิจารณาคือ คือ ในส่วนของ รถเมล์ร้อน อาจปรับขึ้น 1 บาท ส่วนรถร่วมบริการ จาก 9 บาท เป็น 10 บาท ขณะที่รถปรับอากาศปรับระยะละ 1 บาท จาก 13 -25 บาท เป็น 14-26 บาท 

ส่วนวันที่ 14 ธันวาคม ต้องรอลุ้นโครงการเมกะโปรเจคส์ 2 แสนล้าน เพราะจะมีการประกาศผลผู้ชนะประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา หลังเปิดซองเสนอราคาแล้ว ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มร่วมทุน 2 กลุ่มใหญ่ที่รอลุ้น ก็คือ บีทีเอส และซีพี 


ด้านคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. เป็นองค์กรอิสระด้าน พลังงาน มีนายเสมอใจ ศุขสุเมฆ เป็นประธาน ได้แถลงข่าวเปิดใจถึงการทำงาน เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า แม้ ค่าไฟฟ้างวดแรกในปีหน้า จะขยับขึ้นมา 4 สตางค์เศษๆ  มีผลตั้งแต่ปีใหม่นี้ไปจนถึงเดือนเมษายน แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ ติดลบ โดยค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือเอฟทียังคงติดลบถึง 11.60 สตางค์ต่อหน่วย ถือว่าต่ำมาก หากค่าไฟฟ้าจะเปลี่ยนแปลงก็คาดว่าจะไม่ถึงระดับ 0 สตางค์แน่นอน โดยค่าไฟฟ้าก็ขึ้นกับค่าก๊าซธรรมชาติและอัตราแลกเปลี่ยน โดยก๊าซก็ผันแปรตามราคาน้ำมัน ซึ่งก็โชคดีที่ราคาน้ำมันลดต่ำลง

และในวันนี้ กกพ.ก็มีการพิจารณา ข้ออุทธรณ์ของจีพีเอสซีในเครือ ปตท.ที่อุทธรณ์มติ กกพ. ซึ่งห้ามไม่ให้มีการซื้อกิจการโกลว์พลังงาน โดยจะเปิดเผยผลประชุม วันที่ 13 ธันวาคมนี้ ซึ่งขณะนี้ ก็มีการคาดการณ์ของสื่อว่า กกพ.คงจะคงมติเดิมไม่ให้เกิดการซื้อกิจการดีลแสนล้านบาทเช่นเดิม เพราะอาจจะเกิดการผูกขาดกิจการไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งเดิมนั้น กกพ.ให้เหตุผลว่า ไม่ให้ควบรวมเพราะไม่ต้องการให้เกิดการผูกขาด ,ไม่ต้องการลดและจำกัดการแข่งขัน  


นอกจากนี้  ประธาน กกพ. ระบุด้วยในส่วนของการทำงาน กกพ.จะมีการปรับหลักเกณฑ์ให้สะท้อนเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ทั้งบล็อกเชน ระบบโซลาร์รูฟท็อปเสรี เทคโนโลยนีการขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวด้วยรถยนต์ โดยยอมรับว่า เทคโนโลยีอาจทำให้เอกชนผลิตไฟฟ้ามากขึ้น และ 3 การไฟฟ้า และ ปตท.อาจจะแข่งขันได้ยากลำบาก ต้องลดการการผลิตไฟฟ้าและก๊าซ และปรับตัวเองไปบริการในลักษณะการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพเท่านั้น   

ส่วนเรื่องวุ่นที่มีคนต่อคิวไปกดเงินของขวัญปีใหม่ 500 บาทสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจนเอทีเอ็มกรุงไทยเกิดปัญหา และมีการวิพากษณ์วิจารณ์กันหนักมาก ว่าเป็นการหาเสียง มีการใช้เงินไม่ถูกประเภท บางคนโชว์ว่าไปซื้อสุราบ้าง วันนี้ คุณอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำว่าเงินในบัตรไม่จำกัดเวลาการใช้ และไม่มีการดึงเงินกลับคืน  ชาวบ้านยังนำไปใช้ร่วมกับวงเงินในบัตรสวัสดิการ ลดภาระค่าครองชีพ 200 หรือ 300 บาท/เดือน เพื่อนำไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นผ่านทางร้านธงฟ้าหรือร้านค้าเอกชนอื่น ๆ ที่รับบัตรสวัสดิการ

ทั้งนี้ ขอย้ำว่าผู้มีรายได้น้อยไม่ต้องรีบไปกดเงินสดออกมาใช้จ่าย เนื่องจากเงินยังคงอยู่ในบัตรและสามารถนำไปซื้อสินค้าที่ห้างค้าปลีกที่รับบัตรสวัสดิการได้หลายแห่งและยังมีโปรโมชั่นได้รับเงินคืนหรือสามารถลดการซื้อสินค้าด้วย เพราะตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2561 เพื่อชดเชยคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ร้อยละ 5 กลับเข้ามายังบัตรสวัสดิการฯ ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

และวันพรุ่งนี้ (12 ธ.ค.)  กรมบัญชีกลางจ่ายเงินสนับสนุนค่าเช่าบ้านรายละ 400 บาท ให้ผู้สูงอายุ เป็นวันแรกอีก 230,000 ราย ซึ่งเงินยังคงอยู่ใบบัตรไม่จะเป็นต้องไปรีบถอนออกมาใช้จ่ายแต่อย่างใด และวันที่ 14 ธันวาคมกรมบัญชีกลางจะโอนเงินคืนค่าภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการเดือนแรก หลังจากนั้นวันที่ 21 ธันวาคมจะโอนเงินสนับสนุนค่าเดินทางให้ผู้สูงอายุที่ไปรักษาพยาบาลอีกรายละ 1,000 บาท  

ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลกรณีหญิงวัยกลางคนสวมใส่ทองรูปพรรณขับรถยนต์ใช้บัตรสวัสดิการฯ ไปกดเงิน 500 บาทนั้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ทำการตรวจสอบ หากพบว่าขาดคุณสมบัติหญิงรายดังกล่าวอาจถูกตัดสิทธิ์ได้  สำหรับการเรียกเงิน 500 บาทคืนนั้น เป็นหน้าที่ของกรมบัญชีกลาง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย