รร.เซ็นทราศูนย์ราชการฯ11 ธ.ค. -ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูประบบสาธารณสุข เห็นชอบ ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ ร่วม ทั้ง 3 กองทุน สวัสดิการข้าราชการ ,ประกันสังคม และ หลักประกันสุขภาพ แบ่ง 3 ส่วน เป็นสิทธิประโยชน์หลัก เน้น การรักษาโรคยาก ราคาแพง
นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูประบบสาธารณสุข ด้านการคลังสุขภาพและระบบหลักประกันสุขภาพ แถลงผลการร่วมปฏิรูปหลักประกันสุขภาพ สู่คุณค่าใหม่ ด้วยประชาชนเป้นศูนย์กลาง ว่า หลักจากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (สปสช.)ดำเนินมาตั้งแต่ ปี 2545 เห็นว่า จำเป็นต้องมีการปฏิรูป เพื่อให้คงคุณภาพ ขณะเดียวกันก็ได้มีการหารือ เพื่อสร้างคุณภาพของกองทุนอื่นๆ ร่วม ทั้ง สวัสดิการข้าราชการ และประกันสังคม โดยยืนยันว่าการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ร่วมระหวาง 3 กองทุน นี้ ไม่ได้ทำให้เกิดความแตกต่าง หรือเป็นการรอนสิทธิเดิม แต่จะคงคุณภาพของสิทธิประโยชน์ หลักร่วมกันทั้ง 3 กองทุน ทั้ง สวัสดิการข้าราชการ ,ประกันสังคม และหลักประกันสุขภาพ ไว้ ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์เสริม 1 และ เสริม 2 ร่วม ให้เกิดความ คล่องตัว พร้อมกับการหาแหล่งเงินทุนเพิ่ม เพื่อมาสนับสนุน ในการขับเคลื่อน รองรับสังคมผู้สูงอายุในอนาคต
นพ.ภิรมย์ กล่าวว่า ซึ่งการปรับปรุงสิทธิประโยชน์นี้ จะยังครอบคลุม กลุ่มคนใน 5 กลุ่ม ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และจะมุ่งมเน้นการรักษาให้เเกิดคุณภาพ โดยสิทธิประโยชน์ หลักของทั้ง 3 กองทุนที่ร่วมกัน จะเน้นในกลุ่ม โรคที่รักษายาก มีราคาแพง และอาจทำให้เสี่ยงต่อการล้มละลายทางการเงิน เช่น โรคมะเร็ง ,ไตวาย ติดเตียง และเอดส์ เป็นต้น ส่วนสิทธิประโยชน์ เสริม 1 ได้แก่ สิทธิที่แต่ละกองทุนจะเสริมหรือเพิ่มเติมเป็นการเฉพาะ มีความแตกต่างระหว่างแต่ละกองทุน เพื่อเฉพาะกลุ่ม เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็ง ในกลุ่มแรงงาน การทำฟัน หรือ การคัดกรองโรคจากการทำงาน ส่วนสิทธิประโยชน์ เสริม 2 ได้แก่ การออกแบบระบบ เพื่อให้เสริมเพิ่มเติม ซึ่งผู้ป่วย สามารถจ่ายเอง ร่วมหรือ จ่ายจากระบบประกันชีวิต ซึ่งเรื่องนี้จะให้คปภ. เข้ามาร่วมพิจารณาด้วย ทั้งนี้เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาความซับซ้อน
นพ.ภิรมย์ กล่าวว่า การแบ่งกลุ่มสิทธิประโยชน์ หลัก และเสริม ทั้ง 3 กองทุนนี้ จะช่วยให้ลดความซับซ้อน และไม่เป็นการรอนสิทธิ สำหรับคนที่มีรายได้น้อย แต่ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสเพิ่มความสะดวกสบายกับคนที่มีกำลังจ่าย สามารถร่วมจ่ายตรงได้ ทั้งนี้จะนำเรื่องดังกล่าว เข้าหารือร่วมกับคณะกรรมการทั้ง 3 กองทุน เพื่อหาข้อสรุปด้านระบบสุขภาพของไทยต่อไปในอนาคต .-สำนักข่าวไทย