กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 30 พย..-กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ศึกษาวิจัยและพัฒนาการตรวจวินิจฉัย รวมทั้งทำการศึกษาวิจัยด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรม และส่งเสริมการบริการที่มีคุณภาพต่อประชาชน เพื่อยุติปัญหาการติดเชื้อเอชไอวีให้บรรลุเป้าหมายองค์การอนามัยโลก
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก (World AIDS Day) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นองค์กรหลักที่กำหนดมาตรฐานและควบคุมคุณภาพการตรวจเพื่อการวินิจฉัยและการติดตามการรักษาการติดเชื้อเอชไอวีของห้องปฏิบัติการต่างๆ ในประเทศ อีกทั้งยังเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงเพื่อตรวจยืนยันการติดเชื้อและการตรวจหาเชื้อดื้อยาของไทย และประเทศเพื่อนบ้าน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้กำหนดมาตรฐานและแนวทางการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีที่ครอบคลุมประชากรกลุ่มเสี่ยงทุกกลุ่มอายุ โดยจัดทำเป็นคู่มือสำหรับห้องปฏิบัติการขึ้นเป็นเล่มแรก เมื่อปี พ.ศ. 2539 ซึ่งได้ปรับปรุงให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีการตรวจอย่างต่อเนื่อง
และเป็นหน่วยงานประเมินคุณภาพชุดทดสอบเอชไอวีก่อนการขึ้นทะเบียนเพื่อจำหน่ายในประเทศ ให้ได้ชุดทดสอบที่มีคุณภาพ เป็นที่มั่นใจต่อการนำไปใช้ตรวจบริการประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการประกันคุณภาพการให้บริการของห้องปฏิบัติการ ที่มีระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการตามมาตรฐานสากล รวมถึงได้จัดทำแผนทดสอบความชำนาญ (External Quality Assessment Scheme) ระดับชาติของการตรวจวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การตรวจเอชไอวีซีโรโลยี การตรวจหาปริมาณเชื้อเอชไอวีในกระแสเลือด การตรวจเชื้อเอชไอวีดื้อยาต้านไวรัส และการตรวจการติดเชื้อเอชไอวี -1 โดยวิธี DNA-PCR ซึ่งแผนการทดสอบความชำนาญทั้งหมดดำเนินการตามมาตรฐานสากล ISO/IEC 17043: 2010
นอกจากนี้ยังมีงานด้านการศึกษาและวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเอชไอวี ด้านระบาดวิทยา/ ด้านพันธุกรรมของไวรัส/ ด้านเชื้อดื้อยา /และพันธุกรรมของคนไทยต่อการสร้างภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองต่อเชื้อเอชไอวี ซึ่งส่งผลให้เกิดการพัฒนาทั้งในด้านนวัตกรรม และส่งเสริมการบริการที่มีคุณภาพสำหรับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูงและเข้าถึงยาก รวมทั้งร่วมผลักดันนโยบายการยุติปัญหาการติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จในอนาคต จนล่าสุดประเทศไทยได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ในการยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก.-สำนักข่าวไทย