กรุงเทพฯ 26 พ.ย.- ศาลสั่งจำคุก 15 วัน ปรับ5 พัน สาวจอดกระบะขวางหน้าบ้านป้าเดือดใช้ขวานจามรถยับ ศาลปรานี โทษจำคุกให้รอลงอาญา1ปี
ศาลจังหวัดพระโขนง นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการโจทก์ เเละน.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ57 ปี กับน.ส.มณีรัตน์ แสงภัทรโชติ อายุ 61 ปี 2 ป้าหัวร้อนร่วมกันเป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง น.ส.รชนีกร เลิศวาสนา อายุ 37 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานจอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกอาคารฯ และก่อความเดือดร้อนรำคาญฯ
กรณีเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 61 จำเลยได้จอดรถยนต์ นิสสัน รุ่นนาวารา สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎค 9297กรุงเทพมหานคร จอดขวางทางเข้า – ออกประตูหน้าบ้านของโจทก์ เลขที่ 337/208 หมู่บ้านเสรีวิลล่า ซอยศรีนครินทร์ 55 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. ทำให้โจทก์ไม่สามารถเข้าออกได้
โดยในวันนี้ น.ส.รัตนฉัตร, น.ส.มณีรัตน์ โจทก์ร่วมเดินทางมาศาลพร้อมด้วย นาย อนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เเละจำเลยเดินทางมาศาล
นาย อนันต์ชัย ทนายความเปิดเผยว่า ศาลพิพากษาว่า น.ส.รชนีกร จำเลยกระความผิดจริงตามฟ้อง โดยศาลวินิจฉัย ในประเด็นสำคัญ ที่จำเลยอ้างว่าใช้เวลาจอดรถซื้อของเพียง 15 นาที นั้นทางฝ่ายโจทก์เบิกความอ้างว่าน.ส.รชนีกรจำเลยจอดรถขวางหน้าบ้านไม่สามารถนำรถออกได้ จึงบีบแตรใช้เวลานานถึง 30 นาที หากจำเลยจอดรถใช้เวลาไม่นานโจทก์คงไม่นำเสียมและขวานมาทุบกระจกรถของจำเลย จึงเชื่อว่าจำเลยจอดรถใช้เวลาซื้อของตามความประสงค์ของตนเองโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของบุคคลอื่น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยเล็งเห็นผลต่อโจทก์ร่วมทั้งสอง ได้รับความเดือดร้อนรำคาญบนถนนสาธารณะ ซึ่งประชาชนชอบที่จะใช้สัญจรได้ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำในที่สาธารณสถาน ทั้งเป็นการจอดรถตรงปากทางเข้าออกของอาคารและในลักษณะกีดขวางการจราจรการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องตามพ.ร.ร.บ.จราจรทางบกมาตรา 57 (10)(15),148 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 397 วรรคสอง ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ เป็นการกระทำในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัลจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับนั้นเป็นความเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษตามมาตรา 90 พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจเปรียบเทียบปรับจำเลยในความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบกฯเพื่อให้คดีเลิกกัน
ดังนั้น น.ส.รัชนีกร จำเลยจึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 397 วรรคสอง อันเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษ 397 วรรคสอง เป็นบทที่หนักสุดจำคุก 15 วัน ปรับ 5,000 บาท
ทั้งนี้ศาลเห็นว่าจำเลยไม่ปรากฏเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนเห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
นายอนันต์ชัย ยังกล่าวอีกว่า ส่วนคดีที่พนักงานอัยการศาลจังหวัดพระโขนง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องน.ส.มณีรัตน์ เเละน.ส.รัตนฉัตร เป็นจำเลยที่ 1-2ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ โดยจำเลยทั้งสองใช้ขวานเเละเหล็กยาวทุบทำลายรถยนต์ของ
น.ส.รชนิกร ที่จอดขวางหน้าบ้านตัวเองนั้น ป้าทั้งสองให้การยอมรับว่าได้ใช้ขวานและเสียม ทุบรถจริง แต่ทำไปเพราะบันดาลโทสะ เพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และผู้เสียหายมีส่วนในการกระทำความผิด ซึ่งศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดเเรกวันที่ 7 มี.ค.2562 เวลา 09.00 น.-สำนักข่าวไทย