ทำเนียบฯ 23 พ.ย.- นายกฯ รับมอบรายงานประจำปีของสภาเด็กและเยาวชนฯ ระบุคนรุ่นใหม่คือความหวังของประเทศ ย้ำให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในช่วงประเทศเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยนายสมคิด สมศรี อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน นำคณะประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัด สภาเด็กและเยาวชนอำเภอ สภาเด็กและเยาวชนเขต สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย รวมทั้งผู้รับผิดชอบการดำเนินงานของสภาเด็กและเยาวชน ที่เข้าร่วมโครงการ “รวมพลังแกนนำเด็กและเยาวชนมุ่งสู่การเป็นแกนนำจิตอาสาในชุมชนป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น” จำนวน 600 คน เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอผลการขับเคลื่อนและการดำเนินงานของสภาเด็กและเยาวชน และมติสมัชชาเด็กและเยาวชนระดับภาคประจำปี 2561
สภาเด็กและเยาวชนได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ ต่อหน้านายกรัฐมนตรี ยืนยันในการสร้างเครือข่ายทั้งในและนอกสถานศึกษา เฝ้าระวังปัญหาครอบครัวจากความรุนแรงทุกรูปแบบ ตระหนักรู้ถึงโทษและพิษภัยของความรุนแรง รวมไปถึงเคารพกฎหมาย และเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ต้องเท่าเทียม เป็นต้น ก่อนจะมอบรายงานประจำปีของสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ตลอดจนคู่มือการดำเนินงานของสภาเด็กและเยาวชนให้แก่นายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนรุ่นใหม่คือความหวังในอนาคตของประเทศ ที่ต้องได้รับการปูพื้นฐานในฐานะพลังของสังคมที่จะกำหนดทิศทางของประเทศ เพราะวันนี้โลกกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นต้องสร้างหลักคิดที่ถูกต้อง มีหลักการและเหตุผล แยกแยะถูกและผิดถึงข้อมูลข่าวสารในโซเชียลมีเดียไม่ให้ขยายความขัดแย้ง ที่สำคัญคือกฎหมาย ส่วนการใช้จ่ายงบประมาณที่ต้องบูรณาการร่วมกันทุกกระทรวง และให้เกิดผลสัมฤทธิ์ให้มากที่สุด วันนี้รัฐบาลดูแลคนทุกระดับอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะการเข้าถึงโอกาส พร้อมยืนยันว่าความมั่นคง ความมีเสถียรภาพเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้คนรุ่นใหม่อย่าทิ้งคนรุ่นเก่า และคนรุ่นใหม่ต้องมีศักยภาพ พร้อมรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ต้องช่วยกันดูแล นอกจากนี้ต้องใส่ใจเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติ ที่เป็นกรอบบริหารประเทศ 20 ปี เพราะมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ และเป็นบรรทัดฐานให้รัฐบาลหน้าเข้ามาดำเนินการ
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ที่รัฐบาลออกมาตรการต่าง ๆ มาช่วงนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นการทำงานต่อเนื่อง ที่มีทั้งมาตรการเร่งด่วนและระยะยาว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมย้ำว่า รู้ดีถึงที่มาในการเข้ามาบริหารประเทศของตัวเอง จึงไม่สามารถทำอะไรได้มาก แต่ไม่เคยมีผลประโยชน์แอบแฝง และไม่ต้องการอำนาจ เพราะเป็นผู้บัญชาการทหารบกมา 4 ปี มีอำนาจเยอะแล้ว เบื่อที่จะใช้อำนาจแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ แต่ต้องไม่ใช่สิทธิเสรีภาพที่เกินขอบเขต ดังนั้นทำอะไรอย่าให้กระทบเสถียรภาพบ้านเมือง ต้องทำให้ประเทศชาติมั่นคง ซึ่งต้องร่วมมือกันโดยเฉพาะช่วงที่กำลังจะเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยหลังจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งหากอายุครบ 18 ปี และต้องรู้หลักการที่แท้จริงของประชาธิปไตย คือการรับฟังเสียงส่วนใหญ่ และแก้ปัญหาให้คนส่วนน้อย ซึ่งการเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องสงบ เรียบร้อย ไม่วุ่นวาย รักษาความเป็นแก่นของประเทศ คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และต้องคำนึงถึงสถานการณ์โลกในปัจจุบันด้วย ดังนั้นขอให้ตระหนักในบทบาทของสภาเด็กและเยาวชน เพราะอดีต ปัจจุบัน และอนาคต มีความเชื่อมโยงกัน อะไรไม่ดีในอดีตอย่าให้เกิดขึ้นอีกและทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อส่งผลต่ออนาคต.-สำนักข่าวไทย