กรุงเทพฯ 9 ก.ย. – สนข. จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี เน้นการพัฒนา คำนึงสิ่งแวดล้อม มีประสิทธิภาพ และผู้ใช้เข้าถึงระบบได้อย่างเท่าเทียม
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อระดมสมองและรับฟังความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูง และหัวหน้าหน่วยงานส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม ต่อ (ร่าง) ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี โดยมีทั้งหัวหน้าหน่วยงานส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้าร่วม
นายอาคมฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติได้จัดทำ (ร่าง) กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี พ.ศ. 2560-2579 เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งจะใช้เป็นกรอบในการกำหนดทิศทางในการบริหารประเทศในเดือนตุลาคม 2559 นี้ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สนข. จัดทำ (ร่าง) ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี พ.ศ. 2560 – 2579 เพื่อใช้เป็นกรอบแนวคิดการพัฒนาหรือภาพในอนาคตของระบบคมนาคมขนส่งของไทยในระยะยาว
โดยวัตถุประสงค์ของการประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อระดมสมองและรับฟังความคิดเห็น ตลอดจนเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริหารระดับสูง และหัวหน้าหน่วยงานส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ในการกำหนดทิศทางการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยในอนาคต เพื่อที่จะได้มีความเห็นและการยอมรับร่วมกัน รวมทั้งจะได้ใช้ยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว เป็นกรอบแนวทางการพัฒนา เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่สอดคล้องร่วมกัน
นายอาคมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการวางกรอบแนวคิดในการกำหนดทิศทางนโยบายการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศไทยนั้น ต้องคำนึงถึงปัจจัยที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ทั้งการค้า การลงทุน ประชากร การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก (Climate Change) ที่จะส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาคมนาคมขนส่งในภาพรวม รวมถึงข้อจำกัด และเงื่อนไขในด้านอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ความต้องการคมนาคมขนส่งในอนาคตเปลี่ยนแปลง และอาจส่งผลกระทบทั้งในเชิงบวกและเชิงลบต่อภาคคมนาคมขนส่งของประเทศไทย ดังนั้น ประเทศไทย จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปรับโครงสร้างองค์กรที่เกี่ยวข้อง กฎหมาย กฎ ระเบียบ และนโยบายต่างๆ เพื่อให้สามารถรองรับกับความต้องการของผู้ใช้บริการ และความต้องการขนส่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามกระแสโลกาภิวัตน์ด้วย กระทรวงคมนาคมมีแนวคิดและภาพในอนาคต ของการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งที่มุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต พฤติกรรมการเดินทาง และความต้องการในการเดินทางอันเป็นผลกระทบจากกระแสโลกาภิวัตน์และบริบทการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผล ต่อการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง
ซึ่งการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ต้องคำนึงถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องต่างๆ ดังนี้การขนส่งที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Transport) การคมนาคมขนส่งที่มุ่งเน้นการลดใช้พลังงานฟอสซิล ปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานทางเลือก และส่งเสริมเทคโนโลยี ด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ,การขนส่งที่มีประสิทธิภาพ (Transport Efficiency) เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์โดยลดต้นทุนโลจิสติกส์ ส่งเสริมการขนส่งทางรางและทางน้ำให้เป็นรูปแบบการขนส่งหลัก โดยมีการขนส่งทางถนนเป็นระบบสนับสนุน (Feeder) และทางเลือกในการขนส่งที่ถึงจุดหมาย (Door to Door) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงระบบคมนาคมในรูปแบบต่างๆ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างเมืองหลักและภูมิภาค รวมทั้งลดปัญหาคอขวด
การเข้าถึงระบบขนส่งอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม (Inclusive Transport) การยกระดับการขนส่งให้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้ทุกกลุ่ม (Universal Design/Transport for all) ทั้งกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเด็ก เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึง (Accessible) บริการระบบขนส่งมวลชนและระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวก มีค่าโดยสารที่เหมาะสม (Affordable) และมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ในการพัฒนาทั้ง 3 ประเด็นข้างต้น จำเป็นต้องคำนึงถึงนวัตกรรม (Innovation) ใหม่ๆ เพื่อการคมนาคมขนส่ง สิ่งแวดล้อม การอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงการประหยัดพลังงาน – สำนักข่าวไทย