กรุงเทพฯ 21 พ.ย. – รฟท.เร่งทำแผนอัตรากำลังพนักงานที่ต้องการเร่งด่วนเสนอ สคร. หลัง ครม.ปลดล็อคให้รับพนักงานใหม่ได้แล้ว เปิดรับล็อตแรก 1,904 อัตรา ภายในปี 62
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา ครม.เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สามารถรับพนักงานใหม่ได้ในกรอบอัตรากำลังมีผลตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 โดยให้ รฟท.จัดทำแผนฟื้นฟู โครงสร้างอัตรากำลัง การใช้เทคโนโลยี และเรื่องอื่น ๆ เสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อพิจารณาเสนอ ครม.อนุมัติอีกครั้ง ล่าสุด ผู้บริหาร รฟท.เตรียมนำแผนอัตรากำลังที่ต้องการเร่งด่วน ซึ่งจัดทำไว้แล้วเสนอ สคร. และ ครม.เร็วที่สุด
นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรถไฟฯ จะเร่งดำเนินการตามมติของคณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับกรอบอัตรากำลังและแผนการสรรหาในระยะ 10 ปี ให้มีความสอดรับกับข้อเท็จจริง และนำกรอบอัตรากำลังฯ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพร้อมกับแผนฟื้นฟูกิจการปี 2561 – 2570 ให้พิจารณาความเหมาะสมของอัตรากำลังในภาพรวม เพื่อให้สามารถดำเนินการสรรหาเปิดรับพนักงานปีแรก 1,904 อัตราให้ได้ภายในปี 2562
สำหรับปัญหาขาดพนักงานปฏิบัติหน้าที่ของ รฟท.มีมานาน จากมติ ครม.เมื่อปี 2541 กำหนดให้ รฟท.รับพนักงานใหม่ได้เพียงร้อยละ 5 ของพนักงานที่เกษียณ ทำให้ปัจจุบัน รฟท.ขาดพนักงานปฏิบัติงาน รวมกว่า 8,000 อัตรา ครอบคลุมทั้งพนักงานประจำขบวนรถ พนักงานห้ามล้อ และเจ้าหน้าที่ประจำสถานี
ทั้งนี้ มีการแจกแจงอัตราเจ้าหน้าที่ที่ขาดต้นปี 2561 พบว่า อัตราพนักงานที่ขาดมากที่สุด ได้แก่ พนักงานฝ่ายการช่างกล ทำหน้าเป็นพนักงานขับรถ ช่างเครื่อง พนักงานซ่อมบำรุงรถจักร ตู้โดยสารต่าง ๆ มีอัตราที่ขาด 2,280 คน รองลงมา คือ ฝ่ายการช่างโยธาทำหน้าที่ซ่อมบำรุง ดูแลความปลอดภัยของระบบราง สะพานต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีอัตราที่ขาด 1,884 คน ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถทำหน้าที่ประจำตามสถานีต่าง ๆ ทั่วประเทศดูแลเรื่องความปลอดภัย และให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในสถานี เช่น นายสถานี เสมียนขายตั๋ว พนักงานประจำสถานี มีอัตราที่ขาด 1,655 คน และฝ่ายบริการโดยสารทำหน้าที่อำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารบนขบวนรถ เช่น พนักงานรักษารถ พนักงานห้ามล้อทั้งรถโดยสาร และสินค้า พนักงานตรวจตั๋ว พนักงานรถนอน มีอัตราที่ขาด 570 คน
โดยเฉพาะพนักงานรักษารถปกติทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตรวจตั๋ว ปกติขบวนหนึ่งจะมีปฏิบัติหน้าที่ขบวนละ 3 คน บางครั้งเหลือปฎิบัติงานเพียง 1 คน ส่วนพนักงานประจำสถานีขาดกำลังคน จากปกติจะต้องมีผู้ปฏิบัติงานตามเวรแทนวันหยุด แต่ปัจจุบัน เช่น แขวงธนบุรี ทั้งแขวงเหลือพนักงานที่ทำหน้าที่แทนแค่ 2 คน แม้มีพนักงานป่วยก็ไม่สามารถลางานได้
นอกจากนี้ ปัญหาดังกล่าวยังครอบคลุมการผลิตบุคลากร ทั้งที่จะนำมาปฏิบัติงานการเดินรถไฟปัจจุบัน และรองรับงานระบบรางที่ รฟท.เป็นผู้ลงทุน และอาจต้องดูแลการเดินรถในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นรถไฟทางคู่อีกหลายเส้นทาง ทำให้รถไฟต้องจัดหาขบวนรถเพิ่ม โครงรถไฟความเร็วสูง โครงรถไฟฟ้าสายสีแดง ขณะที่นักเรียนจากโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟจบการศึกษาปี 2560 จำนวน 173 คน ซึ่งได้กระจายกำลังทำงานให้ รฟท.ไปแล้ว แต่อยู่ในสถานะการจ้างแค่ลูกจ้างชั่วคราว จากปัญหาปลดล็อคมติ ครม.ดังกล่าว ส่วนปี 2561 นักเรียนจากโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟที่กำลังจะจบการศึกษาเดือนเมษายนนี้ 136 คน และกำลังศึกษาอีก 186 คน ซึ่งนักเรียนเหล่านี้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคงในอนาคต ว่าเมื่อจบมาจะได้งานทำหรือไม่ และตามปกติในช่วงเดือนเมษายนของทุกปีจะมีการเปิดรับสมัครนักเรียนวิศวกรรมรถไฟ เพื่อเข้ารับการศึกษาเกี่ยวกับระบบรางเป็นระยะเวลา 2 ปี แต่ไม่สามารถเปิดรับได้ และหากจะเปิดรับ รฟท. ก็ไม่สามารถยืนยันที่จะรับนักเรียนที่จบออกมาเข้าเป็นพนักงานได้.-สำนักข่าวไทย
