สบส.สรุป รพ.พระราม2 ผิดรวม5 กระทง

กรมสบส.20 พ.ย.-อธิบดีสบส.ลงดาบ รพ.พระราม 2 ผิดรวม 5 กระทงจากเหตุ น.ส.ช่อลัดดาเหยื่อสาดน้ำกรดเสียชีวิต เตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษที่สน.ท่าข้าม พรุ่งนี้ ขณะที่ผู้เข้าข่ายมีความผิดทางกฎหมาย มีทั้งผู้ดำเนินการ และผู้รับใบอนุญาตประกอบสถานพยาบาล ขณะที่พยาบาลรับผิดเองดูคนไข้ไม่รายงานแพทย์เวร ส่งเรื่องสภาการพยาบาลพิจารณา  


นพ.ณัฐวุฒิ  ประเสริฐสิริพงศ์  อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) แถลงผลการสอบ รพ.พระราม 2 กรณีปฏิเสธรักษาเหยื่อสาดน้ำกรด จนเสียชีวิต ว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯได้สรุปข้อร้องเรียนฯ โดยใช้ระยะเวลาพิจารณารวม 10 วัน นับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.จนถึง19 พ.ย. พบว่าต้องมีการเปรียบเทียบปรับและยังมีในส่วนของโทษจำคุกตาม พ.ร.บ.สถาน พยาบาล 2541 และฉบับปรับปรุง 2559 จึงต้องเตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อ สน.ท่าข้าม สถานที่เกิดเหตุ ในวันพรุ่งนี้(21 พ.ย.) โดยผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ มีผู้ดำเนินการสถานพยาบาลและผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบสถานพยาบาล ขณะที่ความผิดของพยาบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ ส่งให้สภาการพยาบาลดำเนินการพิจารณา เนื่องจากเกี่ยวเนื่องกับจริยธรรม 


นพ.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับการพิจาณาความผิดนำเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเปรียบเทียบกับความผิดตาม พ.ร.บ.พยาบาล  นับตั้งแต่ น.ส.ช่อลัดดา ออกจากบ้านมายังรพ.พระราม 2 และรพ.ปลายทาง พบความผิด 5 กรณีประกอบด้วย 1.กรณีพยาบาลวิชาชีพ ทำการประเมินวินิจฉัย โดยไม่รายงานแพทย์  เข้าข่ายปล่อยปะละเลยให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่แพทย์ ดำเนินการแพทย์และไม่ควบคุม ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบวิชาชีพ ซึ่งทั้งพยาบาลและผู้ดำเนินการสถานพยาบาลมีความผิดตาม มาตรา 34(1) และ34(2) มีโทษจำคุก ไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 


กรณีที่ 2 เมื่อได้รับรายงานจากพยาบาลผู้ให้การดูแลและมีการรายงานให้ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล พร้อมสั่งการให้รับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล ย่อมแสดงว่าผู้ป่วยมีความจำเป็นได้รับการประเมินจากแพทย์ก่อนที่จะนำผู้ป่วยนอนใน รพ.ตามที่ได้สั่งการ ซึ่งลักษณะนี้อาจจะเข้าข่ายไม่ควบคุม ดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสถานพยาบาลปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด จึงเข้าข่ายมีความผิดตามม.34 (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท

 

กรณีที่3 การที่ไม่ได้ให้การช่วยเหลือผู้ป่วยและตรวจคัดแยกผู้ป่วยในระดับฉุกเฉิน ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขและพ.ร.บ.สถานพยาบาล มาตรา35 (3)และ(4) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท 

กรณีที่ 4 ไม่ได้ดูแลช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยในสภาพอันตรายและจำเป็น ต้องได้รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน กรณีนี้อาจเข้าข่าย ผู้รับอนุญาต และผู้ดำเนินการสถานพยาบาลไม่ได้ควบคุมดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย ผิด ตามมาตรา 33/1 แต่มีโทษตาม มาตรา 36 วรรค 1 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

กรณีที่ 5 เมื่อผู้ป่วยประสงค์ไปรับการรักษาต่อในโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการส่งต่อช่วยเหลือ ก็เข้าข่ายมีความผิดตาม มาตรา  36  (3) มีโทษจำคุก 2 ปี หรือ ปรับ ไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

นพ.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะที่ในส่วนความผิดของพยาบาล ที่ปฏิบัติหน้าที่ ในการดูแลรักษาไม่ได้มีการรายงานแพทย์เวร ประจำห้องฉุกเฉิน เข้าข่ายมีความผิดทางจริยธรรม ส่งเรื่องให้สภาการพยาบาลตรวจสอบ  เนื่องจากทางคณะกรรมการได้มีการซักถามข้อเท็จจริงและพยาบาลก็ให้การยอมรับ อีกทั้งในตารางแพทย์ปฏิบัติหน้าที่ ก็มีรายชื่อแพทย์เวรประจำระบุชัด และมีการรายงานการทำงานของแพทย์  

ส่วนเรื่องการก่อสร้างปรับปรุงอาคารจอดรถของ รพ.พระราม 2 ให้เป็นอาคารผู้ป่วยนอกนั้น นพ.ณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการคำสั่งให้ปิดการใช้อาคารดังกล่าวแล้ว และทำหนังสือให้มีการแก้ไข ภายใน 15 วัน  หากเพิกเฉย อาจได้รับโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า