ไทยเนื้อหอมปีนี้จีนลงทุนเพิ่ม 2 เท่า

กรุงเทพฯ 19 พ.ย. – นักลงทุนจีนแห่ลงทุนไทยเพิ่มขึ้น 2 เท่า ด้านบอร์ดบีโอไอกระตุ้นการลงทุนต่อ ออกมาตรการส่งเสริมลงทุนชุดใหญ่ ดึงลงทุนโครงการใหญ่ – ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก – สนับสนุนตลาดทุน รวมทั้งออกมาตรการ “เมืองอัจฉริยะ” และเปิดประเภทกิจการใหม่ หวังยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมดึงบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์


นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) การลงทุนขยายตัวทั้งอุตสาหกรรมเป้าหมายและในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนมากเป็นอันดับ 1 แต่ที่เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก คือ นักลงทุนจากประเทศจีนยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง  2 เท่าจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ยอดเงินลงทุนรวมประมาณ 22,000 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปี 2560 มียอดคำขอเพียง 11,000 ล้านบาท

ส่วนภาพรวมการยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุน 9 เดือนแรกปีนี้  มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม  1,125 โครงการ เงินลงทุนทั้งสิ้น  377,054 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาที่มี 1,021 โครงการ ขณะที่เงินลงทุนใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 373,908 ล้านบาท การขอรับส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 69 โดยมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 525 โครงการ เงินลงทุนรวม 290,482 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามีมูลค่า 171,584 ล้านบาท อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด ได้แก่  ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองมา คือ ยานยนต์และชิ้นส่วน การท่องเที่ยว การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และดิจิทัล เป็นต้น


สำหรับการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในอีอีซีขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยมี 288 โครงการ ขยายตัวร้อยละ 13 เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามีจำนวน 255 โครงการ และมีมูลค่าเงินลงทุน 230,554 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 117 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่าเงินลงทุน 106,126 ล้านบาท

นางสาวดวงใจ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเร่งรัดให้เกิดการลงทุนโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ประเทศต้องการ ที่ประชุมบีโอไอได้เห็นชอบมาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นการลงทุนที่ขอรับการส่งเสริมภายในปี 2562โดยมุ่งเน้นส่งเสริมโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบสูงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและเป็นกิจการในอุตสาหกรรมที่ใช้ระดับเทคโนโลยีขั้นสูง หรืออยู่ในอุตสาหกรรมฐานความรู้ที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูงรวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ  

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับคำขอที่ยื่นตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 จนถึงสิ้นปี 2562 โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่ม คือ การลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 3 ปี ทั้งนี้ จะต้องเป็นโครงการที่มีเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาททุกประเภทกิจการ ยกเว้นกิจการที่ไม่มีที่ตั้งสถานประกอบการ เช่น กิจการขนส่งทางอากาศ กิจการขนส่งทางเรือ เป็นต้น ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปีขึ้นไปตามเกณฑ์สิทธิปกติ แต่ไม่เกิน 8 ปี ตั้งสถานประกอบการได้ทุกพื้นที่ทุกจังหวัดยกเว้นกรุงเทพมหานครและดำเนินการตามกำหนดเวลาทุกขั้นตอน


นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก ที่ประชุมยังได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นมาตรการที่ปรับปรุงมาจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับภาคการเกษตรระดับท้องถิ่นที่ใช้ในปัจจุบัน โดยมาตรการที่ปรับปรุงใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้กับคำขอที่ยื่นตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 ถึงสิ้นปี 2563 มาตรการส่งเสริมการลงทุนเศรษฐกิจฐานรากนี้จะมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูงกว่าเข้าไปสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถขององค์กรท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น สหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน โดยผู้ประกอบการที่เข้าไปสนับสนุนจะต้องดำเนินงานตามแผนความร่วมมือกับท้องถิ่นอย่างชัดเจนมีเงินลงทุนขั้นต่ำในการสนับสนุนแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และหากสนับสนุนหลายรายในโครงการเดียวกันจะต้องสนับสนุนไม่น้อยกว่า 200,000 บาทต่อราย ตัวอย่างการสนับสนุนเพื่อยกระดับขีดความสามารถขององค์กรท้องถิ่น เช่น การสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องจักร การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ซึ่งแสดงถึงอัตลักษณ์ของท้องถิ่น   การสนับสนุนเพื่อนำเทคโนโลยี IOT มาใช้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาระบบ Smart Tourism มาช่วยบูรณาการข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น

ทั้งนี้ มาตรการใหม่นี้ได้ขยายขอบข่ายของทั้งผู้รับและผู้ให้การสนับสนุนกิจการท้องถิ่นกว้างขึ้นจากมาตรการเดิม คือ ในส่วนของผู้รับการสนับสนุน (กิจการในท้องถิ่น) จากเดิมกำหนดไว้เฉพาะกิจการด้านการเกษตรเท่านั้น เพิ่มเป็นให้ครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมเบา กิจการท่องเที่ยวชุมชนด้วย และในส่วนของผู้ให้การสนับสนุน (ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ) จากเดิมจำกัดเฉพาะกิจการด้านเกษตรเท่านั้น ให้ขยายเป็นครอบคลุมทุกประเภทกิจการ และเป็นโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนอยู่เดิมแต่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้ หรือสิทธิประโยชน์ได้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ที่ได้รับส่งเสริมตามมาตรการดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ในส่วนกิจการที่ดำเนินการอยู่เดิม ทั้งนี้ จะได้รับการยกเว้นภาษีในมูลค่าไม่เกินร้อยละ 120 ของเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปจริงในการสนับสนุน เช่น ค่าก่อสร้างโรงงาน ค่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม เป็นต้น

บีโอไอยังออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนกิจการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนพัฒนาทั้งพื้นที่ ระบบ และนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมเมืองอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้สอดคล้องกับการเป็นประเทศไทย 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาลโดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทกิจการ ได้แก่ 1. กิจการพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ กำหนดเงื่อนไขสำคัญ คือจะต้องจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะด้านสิ่งแวดล้อม (Smart Environment) และจะต้องลงทุนจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะด้านอื่นๆ อีกอย่างน้อย 1 ด้าน จาก 6 ด้าน (Smart Mobility, Smart People, Smart Living, Smart Economy, Smart Governance, Smart Energy) และจะต้องมีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นข้างมาก หากผู้ลงทุนสามารถจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะครบทั้ง 7 ด้านข้างต้นจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี(จำกัดวงเงิน) แต่หากดำเนินการไม่ครบทั้ง 7 ด้าน จะให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 5 ปีในกรณีที่ตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี ภายหลังการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดลง

2. กิจการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะ กำหนดเงื่อนไขสำคัญ คือโครงการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะที่จะขอรับการส่งเสริมจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาเมืองอัจฉริยะโดยจะให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 5 ปี (จำกัดวงเงิน) ในกรณีที่เป็นการพัฒนาระบบให้กับเมืองอัจฉริยะหรือนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมที่ได้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี ผู้พัฒนาระบบดังกล่าวจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปีเช่นกัน และหากตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่อีอีซีจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิ ร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี ภายหลังการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดลง

3. กิจการพัฒนานิคมหรือเขตอุตสาหกรรมอัจฉริยะ กำหนดเงื่อนไขสำคัญ คือต้องจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะภายในพื้นที่ครบทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ Smart Mobility, Smart People, Smart Living, Smart Economy, Smart Governance, Smart Energy และ Smart Environmentโดยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี (จำกัดวงเงิน) และจะต้องมีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นข้างมาก เพื่อให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแนวทางคณะกรรมการหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกำหนด ที่ประชุมจึงได้กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ที่จะขอรับส่งเสริมทั้งกิจการพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ และกิจการพัฒนานิคมหรือเขตอุตสาหกรรมอัจฉริยะจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาเมืองอัจฉริยะก่อนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน

และเพื่อสนับสนุนสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมและดิจิทัล ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมและดิจิทัล โดยปรับปรุงเงื่อนไขประเภทกิจการศูนย์บ่มเพาะด้านนวัตกรรม (Innovation Incubation Center) หลายประเด็น เช่น เพิ่มพื้นที่ขั้นต่ำจากเดิม 300 ตารางเมตร เป็น 1,000ตารางเมตร เพื่อความเหมาะสม และต้องมีแผนการบ่มเพาะเพื่อการพัฒนานวัตกรรมตามที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ ซึ่งจะช่วยให้มีการพัฒนาและบ่มเพาะผู้ประกอบการได้อย่างเป็นรูปธรรม

รวมทั้งเห็นชอบให้บีโอไอเปิดให้การส่งเสริมประเภทกิจการ Maker Space หรือ Fabrication Laboratory เพื่อให้บริการเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ซึ่งจะเป็นประโยชน์และลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบของตนเอง โดยต้องจัดให้มีพื้นที่สำหรับเป็นห้องปฏิบัติการเพื่อใช้ในงานสร้างนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ต้นแบบ  และมีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ระบบสื่อสารหลักแบบใยแก้วความเร็วสูง  ระบบไฟฟ้าสำรองจ่ายแบบต่อเนื่องด้วย โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี และยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร

บีโอไอ ยังเพื่อเปิดให้การส่งเสริมประเภทกิจการ Co-Working Space ดึงดูดบริษัทระดับโลกที่มีชุมชนนักพัฒนาที่เข้มแข็งให้มาลงทุนในไทย ให้เพื่อเสริมภาวะแวดล้อมให้เกิดการเชื่อมโยงกับนักพัฒนาของไทย และยังช่วยส่งเสริมชักจูงสตาร์ทอัพและ VC จากทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนในไทยด้วย เงื่อนไขสำคัญ คือต้องจัดให้มีพื้นที่ให้บริการไม่น้อยกว่า 2,000ตารางเมตร และมีเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและสิทธิประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวกับภาษีอาการ

นางสาวดวงใจ กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ  ที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอยังได้พิจารณามาตรการสนับสนุนให้บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็งของตลาดทุนโดยบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีกร้อยละ 100 ของเงินลงทุน (โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) โดยมาตรการนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563  

ด้านการใช้แรงงานต่างด้าว ที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอ ได้เห็นชอบผ่อนผันเกณฑ์การใช้แรงงานต่างด้าว โดยผ่อนผันให้ใช้แรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมายได้ทุกประเภทไม่จำกัดเพียงแรงงานต่างด้าวแบบ MOU เท่านั้น นับตั้งแต่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวของกระทรวงแรงงาน จากก่อนหน้านี้โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนต้องใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือแบบ MOU ที่รัฐบาลไทยลงนามกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำเข้าแรงงานมาทำงานในไทยเท่านั้น

นอกจากนี้ คณะกรรมการบีโอไอยังอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 3 โครงการใหญ่ เงินลงทุนกว่า 21,774 ล้านบาท ที่ล้วนเป็นกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และกิจการบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ประกอบด้วย บริษัท โปรเจน โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก  เงินลงทุนทั้งสิ้น 7,693 ล้านบาท ตั้งโรงงานที่ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ  จ.อยุธยา  โดยโครงการนี้ เป็นการลงทุนของกลุ่มบริษัท โปรเจนกรุ๊ป จำกัด  ผู้ผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์บรรทุกรายใหญ่ ที่ขยายฐานการผลิตจากเดิมที่มีโรงงานผลิต 5 แห่งในประเทศจีน เข้ามาลงทุนในไทยเพื่อรองรับตลาดในแถบอาเซียน ทั้งนี้ รถยนต์นั่งและรถยนต์บรรทุกที่ผลิตได้ในโครงการนี้ จะเป็นประเภทที่ได้มาตรฐานการปล่อยไอเสียระดับยูโร 5  และจะใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น ระบบปรับอากาศ ยางรถยนต์ และชิ้นส่วนตกแต่งภายใน มูลค่ารวมประมาณ 13,702 ล้านบาทต่อปี

บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicles-HEV) เงินลงทุนทั้งสิ้น 11,481.6 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง  โดยบริษัทได้เสนอแผนงานรวมในการลงทุนตามที่กำหนด อาทิ โครงการประกอบรถยนต์และโครงการผลิตหรือใช้ชิ้นส่วนสำคัญ  ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ โครงการนี้จะใช้วัตถุดิบในประเทศมีมูลค่ารวมกว่า 19,461 ล้านบาทต่อปี 

และโครงการของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)  ที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนกิจการเขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เงินลงทุนทั้งสิ้น 2,600 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซีไอ  อ.วังจันทร์ จ.ระยอง  โดยจะเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ให้เป็นพื้นที่เขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองรับการต่อยอดงานวิจัยสู่การสร้างนวัตกรรมที่ใช้ประโยชน์ได้จริงเกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ 1.ARIPOLIS หรือศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรมด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ โลหะ และเครื่องจักร 2.BIOPOLIS หรือศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรมด้านชีววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ ที่มีความเกี่ยวข้องในการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ และ 3.SPACE INNOPOLIS หรือศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการบิน เทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บ.เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงเหตุไฟไหม้เรือด่วน คาดไฟฟ้าลัดวงจร

14 ก.ย. – บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้เรือด่วน มีเรือได้รับความเสียหายหนัก 2 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 18.36 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือด่วนที่จอดเรียงติดกัน จำนวน 3 ลำ โดยมีเรือที่ได้รับความเสียหายหนักจำนวน 2 ลำ และได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือได้จอดเลิกงานตามปกติแล้ว บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือพนักงานอยู่บนเรือ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าที่ต่อจากท่าเรือไปชาร์จแบตเตอรี่ในเรือต้นเพลิงลัดวงจร โดยเรือทั้งหมดได้เข้ามาจอดเลิกงานเวลา 18.15 น. และไม่ได้อยู่ระหว่างให้บริการ เมื่อเกิดเหตุ พนักงานประจำพื้นที่ได้เข้าดับเพลิงเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ภายในระยะเวลา 45 นาที ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อวางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น […]

ตรวจสอบแล้วไม่พบบ่อน หลังโซเชียลโพสต์แฉเปิดห่าง สน.ห้วยขวาง 500 ม.

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วไม่พบบ่อน หลังโซเชียลโพสต์ระบุเปิดห่าง สน.ห้วยขวาง เพียง 500 เมตร ด้านเจ้าของสถานที่ยืนยันไม่เคยปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นบ่อน การมีคนโพสต์ทำนองนี้ทำให้ได้รับความเสียหาย หลังจากหลายเพจโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับการเปิดบ่อนพนันห่างจาก สน.ห้วยขวาง เพียง 500 เมตร ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า เมื่อวาน (13 ก.ย.) ตอนที่เห็นหลายๆ เพจโพสต์ ขณะนั้นอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจพิเศษ พอรับทราบได้แจ้งตำรวจสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบทันที ผลการตรวจสอบรอบแรกปรากฏว่าเป็นจุดเดิมที่เคยมีการตรวจสอบและจับกุม ลักษณะเป็นห้องเล็กๆ และไม่พบว่ามีการใช้พื้นที่ดังกล่าว จึงตรวจสอบใหม่อีกรอบในเวลาเที่ยงคืน พบว่าห้องยังคงอยู่ในลักษณะเดิม ไม่พบการลักลอบเล่นหรือมีการใช้ห้อง โดยเรื่องการกระทำผิดโดยเฉพาะเรื่องบ่อน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยสั่งการให้ทุก สน. กวดขันเข้มงวดในเรื่องนี้ และทาง สน.ห้วยขวาง มีการกวดขันมาโดยตลอด หลังจากนี้ถ้าประชาชนมีเบาะแสสามารถแจ้งมาได้ และตำรวจจะลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นระยะ ด้านเจ้าของสถานที่ ระบุว่า ห้องดังกล่าวเดิมเคยเป็นที่เก็บของของร้านเหล้าที่อยู่ด้านหน้า เช่าไว้เก็บโต๊ะ เก้าอี้ สตอกเบียร์ โดยเช่าพื้นที่ของตนตั้งแต่ปี 2558 และเพิ่งยกเลิกเช่าเมื่อ […]

หนุ่มถูกจับได้แอบถ่ายใต้กระโปรง โดดห้างหนี เสียชีวิตแล้ว

นนทบุรี 13 ก.ย. – หนุ่มวัย 21 ที่กระโดดห้างดังย่านบางใหญ่ หลังถูกจับได้ว่าแอบถ่ายใต้กระโปรงสาว เสียชีวิตแล้ว ด้านแม่บอกลูกชายโทรหา ยอมรับถ่ายจริง แต่ถูกคนข่มขู่แบล็กเมล บังคับให้ทำ จากกรณี นายปุณณภพ อายุ 21 ปี กระโดดจากชั้น 4 ศูนย์การค้าชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลบริเวณศีรษะด้านหลังขนาดใหญ่ ข้อเท้าด้านขวาหักผิดรูป โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลของศูนย์การค้าฯ และแพทย์ที่มาใช้บริการในศูนย์การค้าฯ พยายามช่วยกันทำ CPR ก่อนรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ล่าสุดมีรายงานว่า นายปุณณภพ เสียชีวิตแล้ว ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายฟ่าง อายุ 29 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนกับกลุ่มเพื่อนเดินเล่นอยู่ในห้างดังกล่าว สังเกตเห็นผู้ก่อเหตุ มีพฤติกรรมแปลกๆ ถือ iPad คว่ำหน้า และแหงนกล้องขึ้นด้านบน อยู่หลังเด็กนักเรียนหญิงที่สวมใส่ชุดนักเรียนขณะกำลังขึ้นบันไดเลื่อน ตนและเพื่อนจึงได้มีการเดินตามเพื่อเข้าไปสอบถาม ผู้ก่อเหตุพยายามเดินหนี ระหว่างนั้นมีการโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ รปภ. กระทั่งขึ้นไปอยู่ด้านบนชั้น 4 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

แบงก์ชาติเตรียมแถลงบ่ายนี้ ปมผลกระทบ “บัญชีม้า”

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)-สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูลบ่ายวันนี้ กรณีปัญหาผลกระทบประชาชน จากการระงับธุรกรรมเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้า ด้านนักวิเคราะห์ เปรียบเทียบปัญหาไทย-จีน หวังรัฐบาลใหม่เอาจริง ธปท.แจ้งว่า บ่ายวันนี้ เวลา 13.00-14.30 น. ธปท.จะมีการชี้แจงรายละเอียดการระงับธุรกรรมในเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้าให้แก่สื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าว อาคาร 2 ธปท. โดยนางดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน นางสาวอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ ธปท. และนายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูล การชี้แจงดังกล่าว ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องจากวานนี้ที่มีการประชุมร่วมกันของหน่วยงานรัฐ-ธปท.-สมาคมธนาคารไทย เพื่อร่วมปลดล็อกปัญหา ปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต หลังจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ตามขั้นตอน ทางธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย