ไทยเนื้อหอมปีนี้จีนลงทุนเพิ่ม 2 เท่า

กรุงเทพฯ 19 พ.ย. – นักลงทุนจีนแห่ลงทุนไทยเพิ่มขึ้น 2 เท่า ด้านบอร์ดบีโอไอกระตุ้นการลงทุนต่อ ออกมาตรการส่งเสริมลงทุนชุดใหญ่ ดึงลงทุนโครงการใหญ่ – ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก – สนับสนุนตลาดทุน รวมทั้งออกมาตรการ “เมืองอัจฉริยะ” และเปิดประเภทกิจการใหม่ หวังยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมดึงบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์


นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) การลงทุนขยายตัวทั้งอุตสาหกรรมเป้าหมายและในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนมากเป็นอันดับ 1 แต่ที่เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก คือ นักลงทุนจากประเทศจีนยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง  2 เท่าจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ยอดเงินลงทุนรวมประมาณ 22,000 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปี 2560 มียอดคำขอเพียง 11,000 ล้านบาท

ส่วนภาพรวมการยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุน 9 เดือนแรกปีนี้  มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนรวม  1,125 โครงการ เงินลงทุนทั้งสิ้น  377,054 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาที่มี 1,021 โครงการ ขณะที่เงินลงทุนใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 373,908 ล้านบาท การขอรับส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 69 โดยมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 525 โครงการ เงินลงทุนรวม 290,482 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามีมูลค่า 171,584 ล้านบาท อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด ได้แก่  ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองมา คือ ยานยนต์และชิ้นส่วน การท่องเที่ยว การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และดิจิทัล เป็นต้น


สำหรับการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในอีอีซีขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยมี 288 โครงการ ขยายตัวร้อยละ 13 เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามีจำนวน 255 โครงการ และมีมูลค่าเงินลงทุน 230,554 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 117 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่าเงินลงทุน 106,126 ล้านบาท

นางสาวดวงใจ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเร่งรัดให้เกิดการลงทุนโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ประเทศต้องการ ที่ประชุมบีโอไอได้เห็นชอบมาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นการลงทุนที่ขอรับการส่งเสริมภายในปี 2562โดยมุ่งเน้นส่งเสริมโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบสูงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและเป็นกิจการในอุตสาหกรรมที่ใช้ระดับเทคโนโลยีขั้นสูง หรืออยู่ในอุตสาหกรรมฐานความรู้ที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูงรวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ  

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับคำขอที่ยื่นตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 จนถึงสิ้นปี 2562 โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่ม คือ การลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 3 ปี ทั้งนี้ จะต้องเป็นโครงการที่มีเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาททุกประเภทกิจการ ยกเว้นกิจการที่ไม่มีที่ตั้งสถานประกอบการ เช่น กิจการขนส่งทางอากาศ กิจการขนส่งทางเรือ เป็นต้น ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปีขึ้นไปตามเกณฑ์สิทธิปกติ แต่ไม่เกิน 8 ปี ตั้งสถานประกอบการได้ทุกพื้นที่ทุกจังหวัดยกเว้นกรุงเทพมหานครและดำเนินการตามกำหนดเวลาทุกขั้นตอน


นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก ที่ประชุมยังได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นมาตรการที่ปรับปรุงมาจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับภาคการเกษตรระดับท้องถิ่นที่ใช้ในปัจจุบัน โดยมาตรการที่ปรับปรุงใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้กับคำขอที่ยื่นตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 ถึงสิ้นปี 2563 มาตรการส่งเสริมการลงทุนเศรษฐกิจฐานรากนี้จะมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูงกว่าเข้าไปสนับสนุนการยกระดับขีดความสามารถขององค์กรท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น สหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน โดยผู้ประกอบการที่เข้าไปสนับสนุนจะต้องดำเนินงานตามแผนความร่วมมือกับท้องถิ่นอย่างชัดเจนมีเงินลงทุนขั้นต่ำในการสนับสนุนแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และหากสนับสนุนหลายรายในโครงการเดียวกันจะต้องสนับสนุนไม่น้อยกว่า 200,000 บาทต่อราย ตัวอย่างการสนับสนุนเพื่อยกระดับขีดความสามารถขององค์กรท้องถิ่น เช่น การสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องจักร การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ซึ่งแสดงถึงอัตลักษณ์ของท้องถิ่น   การสนับสนุนเพื่อนำเทคโนโลยี IOT มาใช้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาระบบ Smart Tourism มาช่วยบูรณาการข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น

ทั้งนี้ มาตรการใหม่นี้ได้ขยายขอบข่ายของทั้งผู้รับและผู้ให้การสนับสนุนกิจการท้องถิ่นกว้างขึ้นจากมาตรการเดิม คือ ในส่วนของผู้รับการสนับสนุน (กิจการในท้องถิ่น) จากเดิมกำหนดไว้เฉพาะกิจการด้านการเกษตรเท่านั้น เพิ่มเป็นให้ครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมเบา กิจการท่องเที่ยวชุมชนด้วย และในส่วนของผู้ให้การสนับสนุน (ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ) จากเดิมจำกัดเฉพาะกิจการด้านเกษตรเท่านั้น ให้ขยายเป็นครอบคลุมทุกประเภทกิจการ และเป็นโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนอยู่เดิมแต่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้ หรือสิทธิประโยชน์ได้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้ที่ได้รับส่งเสริมตามมาตรการดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ในส่วนกิจการที่ดำเนินการอยู่เดิม ทั้งนี้ จะได้รับการยกเว้นภาษีในมูลค่าไม่เกินร้อยละ 120 ของเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปจริงในการสนับสนุน เช่น ค่าก่อสร้างโรงงาน ค่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม เป็นต้น

บีโอไอยังออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนกิจการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนพัฒนาทั้งพื้นที่ ระบบ และนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมเมืองอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้สอดคล้องกับการเป็นประเทศไทย 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาลโดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทกิจการ ได้แก่ 1. กิจการพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ กำหนดเงื่อนไขสำคัญ คือจะต้องจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะด้านสิ่งแวดล้อม (Smart Environment) และจะต้องลงทุนจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะด้านอื่นๆ อีกอย่างน้อย 1 ด้าน จาก 6 ด้าน (Smart Mobility, Smart People, Smart Living, Smart Economy, Smart Governance, Smart Energy) และจะต้องมีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นข้างมาก หากผู้ลงทุนสามารถจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะครบทั้ง 7 ด้านข้างต้นจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี(จำกัดวงเงิน) แต่หากดำเนินการไม่ครบทั้ง 7 ด้าน จะให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 5 ปีในกรณีที่ตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี ภายหลังการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดลง

2. กิจการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะ กำหนดเงื่อนไขสำคัญ คือโครงการพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะที่จะขอรับการส่งเสริมจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาเมืองอัจฉริยะโดยจะให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 5 ปี (จำกัดวงเงิน) ในกรณีที่เป็นการพัฒนาระบบให้กับเมืองอัจฉริยะหรือนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมที่ได้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี ผู้พัฒนาระบบดังกล่าวจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปีเช่นกัน และหากตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่อีอีซีจะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิ ร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี ภายหลังการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสิ้นสุดลง

3. กิจการพัฒนานิคมหรือเขตอุตสาหกรรมอัจฉริยะ กำหนดเงื่อนไขสำคัญ คือต้องจัดให้มีบริการระบบอัจฉริยะภายในพื้นที่ครบทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ Smart Mobility, Smart People, Smart Living, Smart Economy, Smart Governance, Smart Energy และ Smart Environmentโดยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี (จำกัดวงเงิน) และจะต้องมีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นข้างมาก เพื่อให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแนวทางคณะกรรมการหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาเมืองอัจฉริยะกำหนด ที่ประชุมจึงได้กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ที่จะขอรับส่งเสริมทั้งกิจการพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ และกิจการพัฒนานิคมหรือเขตอุตสาหกรรมอัจฉริยะจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาเมืองอัจฉริยะก่อนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน

และเพื่อสนับสนุนสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมและดิจิทัล ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมและดิจิทัล โดยปรับปรุงเงื่อนไขประเภทกิจการศูนย์บ่มเพาะด้านนวัตกรรม (Innovation Incubation Center) หลายประเด็น เช่น เพิ่มพื้นที่ขั้นต่ำจากเดิม 300 ตารางเมตร เป็น 1,000ตารางเมตร เพื่อความเหมาะสม และต้องมีแผนการบ่มเพาะเพื่อการพัฒนานวัตกรรมตามที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ ซึ่งจะช่วยให้มีการพัฒนาและบ่มเพาะผู้ประกอบการได้อย่างเป็นรูปธรรม

รวมทั้งเห็นชอบให้บีโอไอเปิดให้การส่งเสริมประเภทกิจการ Maker Space หรือ Fabrication Laboratory เพื่อให้บริการเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ซึ่งจะเป็นประโยชน์และลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบของตนเอง โดยต้องจัดให้มีพื้นที่สำหรับเป็นห้องปฏิบัติการเพื่อใช้ในงานสร้างนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ต้นแบบ  และมีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ระบบสื่อสารหลักแบบใยแก้วความเร็วสูง  ระบบไฟฟ้าสำรองจ่ายแบบต่อเนื่องด้วย โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5 ปี และยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร

บีโอไอ ยังเพื่อเปิดให้การส่งเสริมประเภทกิจการ Co-Working Space ดึงดูดบริษัทระดับโลกที่มีชุมชนนักพัฒนาที่เข้มแข็งให้มาลงทุนในไทย ให้เพื่อเสริมภาวะแวดล้อมให้เกิดการเชื่อมโยงกับนักพัฒนาของไทย และยังช่วยส่งเสริมชักจูงสตาร์ทอัพและ VC จากทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนในไทยด้วย เงื่อนไขสำคัญ คือต้องจัดให้มีพื้นที่ให้บริการไม่น้อยกว่า 2,000ตารางเมตร และมีเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและสิทธิประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวกับภาษีอาการ

นางสาวดวงใจ กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ  ที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอยังได้พิจารณามาตรการสนับสนุนให้บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างความเข้มแข็งของตลาดทุนโดยบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีกร้อยละ 100 ของเงินลงทุน (โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) โดยมาตรการนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563  

ด้านการใช้แรงงานต่างด้าว ที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอ ได้เห็นชอบผ่อนผันเกณฑ์การใช้แรงงานต่างด้าว โดยผ่อนผันให้ใช้แรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมายได้ทุกประเภทไม่จำกัดเพียงแรงงานต่างด้าวแบบ MOU เท่านั้น นับตั้งแต่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวของกระทรวงแรงงาน จากก่อนหน้านี้โครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนต้องใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือแบบ MOU ที่รัฐบาลไทยลงนามกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำเข้าแรงงานมาทำงานในไทยเท่านั้น

นอกจากนี้ คณะกรรมการบีโอไอยังอนุมัติส่งเสริมการลงทุน 3 โครงการใหญ่ เงินลงทุนกว่า 21,774 ล้านบาท ที่ล้วนเป็นกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และกิจการบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ประกอบด้วย บริษัท โปรเจน โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก  เงินลงทุนทั้งสิ้น 7,693 ล้านบาท ตั้งโรงงานที่ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ  จ.อยุธยา  โดยโครงการนี้ เป็นการลงทุนของกลุ่มบริษัท โปรเจนกรุ๊ป จำกัด  ผู้ผลิตรถยนต์นั่งและรถยนต์บรรทุกรายใหญ่ ที่ขยายฐานการผลิตจากเดิมที่มีโรงงานผลิต 5 แห่งในประเทศจีน เข้ามาลงทุนในไทยเพื่อรองรับตลาดในแถบอาเซียน ทั้งนี้ รถยนต์นั่งและรถยนต์บรรทุกที่ผลิตได้ในโครงการนี้ จะเป็นประเภทที่ได้มาตรฐานการปล่อยไอเสียระดับยูโร 5  และจะใช้วัตถุดิบในประเทศ เช่น ระบบปรับอากาศ ยางรถยนต์ และชิ้นส่วนตกแต่งภายใน มูลค่ารวมประมาณ 13,702 ล้านบาทต่อปี

บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicles-HEV) เงินลงทุนทั้งสิ้น 11,481.6 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง  โดยบริษัทได้เสนอแผนงานรวมในการลงทุนตามที่กำหนด อาทิ โครงการประกอบรถยนต์และโครงการผลิตหรือใช้ชิ้นส่วนสำคัญ  ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ โครงการนี้จะใช้วัตถุดิบในประเทศมีมูลค่ารวมกว่า 19,461 ล้านบาทต่อปี 

และโครงการของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)  ที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนกิจการเขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เงินลงทุนทั้งสิ้น 2,600 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซีไอ  อ.วังจันทร์ จ.ระยอง  โดยจะเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ให้เป็นพื้นที่เขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รองรับการต่อยอดงานวิจัยสู่การสร้างนวัตกรรมที่ใช้ประโยชน์ได้จริงเกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ 1.ARIPOLIS หรือศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรมด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ โลหะ และเครื่องจักร 2.BIOPOLIS หรือศูนย์กลางการวิจัยและนวัตกรรมด้านชีววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชีวภาพ ที่มีความเกี่ยวข้องในการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ และ 3.SPACE INNOPOLIS หรือศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการบิน เทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม

ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม พร้อมกำหนดบทลงโทษหากพบเข้าไปข้องเกี่ยว

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา-วอศ.สระบุรี ชนะเลิศแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา และ วอศ.สระบุรี ชนะเลิศในการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025 ณ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ข่าวแนะนำ

ปล่อยตัว “แซม ยุรนันท์” สวมกอดครอบครัว ขอกลับบ้านก่อน

“แซม ยุรนันท์” ได้รับการปล่อยตัวแล้ว สวมกอดครอบครัวด้วยสีหน้ามีความสุข พร้อมขอบคุณสื่อมวลชนที่มาต้อนรับ ขอกลับบ้านก่อน ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

จับแล้วมือยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ย่านบางลำพู

“ผู้การจ๋อ” ส่ง “สารวัตรแจ๊ะ” นำทัพสืบ บช.น. ร่วมตำรวจกัมพูชา แกะรอยบุกจับ “จ่าเอ็ม” มือยิง “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถึงพระตะบอง ประเทศกัมพูชา

ปล่อยตัว “มิน พีชญา” หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีดิไอคอน ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

ปล่อยตัว “มิน พีชญา” หลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี “ดิไอคอน” เปิดใจขอบคุณกระบวนการยุติธรรมและทัณฑสถานหญิง ดูแลเป็นอย่างดี ยืนยันบริสุทธิ์ใจตั้งแต่แรก พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งวันนี้ได้พิสูจน์ตนเองแล้ว

พบ จยย.มือยิงอดีตนักการเมืองกัมพูชาจอดทิ้งปั๊ม คาดได้ตัวเร็วๆ นี้

ตำรวจตรวจพบรถจักรยานยนต์มือยิงอดีตนักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาแล้ว จอดทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บริเวณเลียบด่วนมอเตอร์เวย์ คาดได้ตัวคนร้ายเร็วๆ นี้