กรุงเทพฯ 19 พ.ย.- ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าร้องกองปราบ ถูกแก๊งมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจสอบสวนกลางและรู้จักกับ”บิ๊กโจ๊ก” เรียกค่าคุ้มครองเส้นทางขนส่งสินค้า หากไม่ยอมจ่ายจะขัดขวางเส้นทางขนส่งสินค้าทั้งหมด
นายจเร แก้วทอง ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งสินค้าในพื้นที่ระหว่างกรุงเทพฯ และภาคใต้พร้อมผู้เสียหาย เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อยื่นพยานหลักฐานเอาผิดนาย สิงหราช พิชิตพงศ์ ผู้ต้องหาในคดีกรรโชกทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง และอั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งมีหมายจับทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและภาคใต้รวมกว่า 6 หมาย โดยหลังจากที่นายจเรเปิดบริษัททำการได้ประมาณ 5 ปี ก็ไม่เคยถูกรีดไถในลักษณะดังกล่าวมาก่อน จนกระทั่งในวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนเองกำลังขับรถบรรทุกไปส่งของในอำเภอปราณบุรี ก็พบกับกลุ่มของนายสิงหราช ขับรถมาประกบข้างและเรียกให้จอด พร้อมอ้างตัวเป็นรองอู๊ด จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขอตรวจค้นภายในรถอ้างมีสิ่งผิดกฎหมายและให้ไปที่สภ.พื้นที่ แต่กลับพาไปในที่เปลี่ยวและกรรโชกทรัพย์แลกกับเงินจำนวน 200,000 บาท ซึ่งหากไม่ยอมจ่ายจะขัดขวางการขนส่งและธุรกิจทั้งหมด รวมถึงยัดยาเสพติด นายจเรจจึงต่อรองจำนวนเงินจนลดลงมาเหลือแค่ 80,000 บาท แต่ผู้ต้องหาและกลุ่มผู้ก่อเหตุข่มขู่บังคับให้จ่ายเป็นรายเดือน เดือนละ 30,000 บาท ที่สุดต่อรองจนเหลือเพียง 15,000 บาทต่อเดือน
ทั้งนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุยังอ้างว่ารู้จักกับพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ตนรู้สึกกลัวจะมีผลกระทบต่อธุรกิจ จึงตัดสินใจจ่ายเงินให้รายเดือนตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน แต่หลังจากนั้นได้มีการตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องหาและพวกจนทราบว่าเป็นขบวนการต้มตุ๋นหลอกลวง ซึ่งมีผู้เสียหายที่เป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้หลายราย รวมมูลค่าความเสียหายแล้วหลายล้านบาท และมีหมายจับติดตัวผู้ต้องหา 6 หมายแต่มีการเพิกถอนหมายจับไปแล้ว 2 หมายโดยไม่ทราบสาเหตุ
และจากการตรวจสอบข้อมูลยังพบว่า นายสีหราชได้นำเงินที่เก็บได้ไปจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในขบวนการประมาณ 10 นาย ซึ่งตนเองอยากให้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย
อย่างไรก็ตามทีมข่าวได้ติดต่อทางโทรศัพท์ไปที่ พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้แล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร ทั้งนี้ไม่เคยได้รับการร้องเรียนในลักษณะดังกล่าว อีกทั้งยังปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับนายสิงหราชหรือชื่อเก่าคือนายอดุลย์ และได้กำชับให้ชุดสืบสวนสอบสวนของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือ ศปอส.ตร. ติดตามตัวบุคคลและกระบวนการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป.-สำนักข่าวไทย