กรุงเทพฯ 16 พ.ย. – กรมปศุสัตว์ องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ ภาคเอกชนไทย ร่วมรณรงค์ทั่วโลก การเลี้ยงสัตว์ปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะ ลดการใช้ยาต้านจุลชีพในสัตว์ ลงร้อยละ30 ในปี 64
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า การใช้ยาต้านจุลชีพ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “ยาปฏิชีวนะ” เป็นยาที่มีความจำเป็นในการรักษาโรค ทั้งในมนุษย์และสัตว์ หากมีการใช้อย่างไม่ถูกต้อง มากเกินความจำเป็น ก็จะก่อให้เกิดปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial resistance) ได้ ซึ่งการดื้อยาต้านจุลชีพ กำลังเป็นประเด็นที่สำคัญด้านการสาธารณสุขและเป็นปัญหาเกี่ยวเนื่องกันทั้งคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญในการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพและได้มีแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560 – 2564 โดยภาคปศุสัตว์มีเป้าหมายที่สำคัญ คือลดการใช้ยาต้านจุลชีพในสัตว์ลงร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ. 2564 และที่ผ่านมากรมปศุสัตว์ได้กำกับดูแลให้ใช้ยาอย่างถูกต้องมาโดยตลอด โดยล่าสุดออกกฎหมายว่าด้วยอาหารสัตว์ที่ผสมยา (Medicated Feed) ซึ่งการใช้ยาปฏิชีวนะจะต้องสั่งใช้ยาโดยสัตวแพทย์ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ รวมทั้งลงนามในโครงการพิเศษ “การเลี้ยงสัตว์ปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะ” (Raised Without Antibiotics; RWA) เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 12 – 18 พฤศจิกายน 2561 ทั่วโลกจะมีการจัดงาน “สัปดาห์การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างตระหนักรู้ (World Antibiotics Awareness Week; WAAW)” เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาปฏิชีวนะให้มีการใช้ยาอย่างตระหนักรู้ ใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม ดังนั้น กรมปศุสัตว์จึงได้ร่วมกับองค์การระหว่างประเทศที่เป็นไตรภาคี (Tripartite) ได้แก่ FAO OIE WHO และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดงาน “ภาคปศุสัตว์ร่วมใจ ใส่ใจการใช้ยาปฏิชีวนะ ”Livestock stakeholders handle antibiotics with care” ซึ่งมีการมอบประกาศนียบัตรให้กับเกษตรกรที่ผ่านการรับรองโครงการเลี้ยงสัตว์ปลอดการใช้ยาปฏิชีวนะและให้องค์กรระหว่างประเทศร่วมบรรยายและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมเสวนาถึงทิศทางการจัดการดื้อยา และการใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยให้ใช้เฉพาะที่จำเป็นซึ่งจะลดปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพลงได้ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์มีความปลอดภัย เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศด้วย. – สำนักข่าวไทย