กรุงเทพฯ 12 พ.ย. – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ สั่งการให้ทุกหน่วยงานดูแลช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรอย่างรวดเร็ว พร้อมตั้งศูนย์อำนวยการและบัญชาการรับสถานการณ์ในฤดูฝน ย้ำให้ป้องกันจุดเสี่ยงท่วมซ้ำซากทั้ง 16 จังหวัด
นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ว่า ได้สั่งการให้สำนักงานปลัดกระทรวงฯ ตั้งศูนย์อำนวยการและบัญชาการสถานการณ์เพื่อติดตามประเมินและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปริมาณฝนและน้ำท่าที่จะเพิ่มขึ้นในฤดูฝนนี้ ซึ่งทุกพื้นที่จะต้องประสานกับผู้ว่าราชการ16 จังหวัดเพื่อบูรณาการกับทุกหน่วยงานป้องกันและแก้ไขปัญหาพื้นที่ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก ทั้งนี้มอบหมายให้รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานศูนย์อำนวยการฯ โดยมีสำนักแผนงานและโครงการพิเศษเป็นฝ่ายเลขานุการ ประสานงานให้กรมต่างๆ เข้าพื้นที่สำรวจความเสียหาย อีกทั้งร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) โดยให้ศูนย์อำนวยการฯ สรุปสถานการณ์เป็นรายวันจนกว่าสถานการณ์กลับสู่ปกติเพื่อจะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ทันท่วงทีตามที่นายกรัฐมนตรีห่วงใยและสั่งการย้ำให้ทุกหน่วยงานดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ขณะนี้ในจังหวัดชุมพร ฝนหยุดตกแล้ว ระดับน้ำในคลองต่างๆ ลดลงเช่น คลองท่าแซะ สถานี X.64 อำเภอท่าแซะ ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 2.32 เมตรและคลองท่าตะเภา สถานี X.158 บ้านวังครก อำเภอท่าแซะระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 2.56 เมตร สถานี X.180 สะพานเทศบาล 2 อำเภอเมืองชุมพร ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 0.70 เมตร ส่วนคลองธรรมชาติระดับน้ำมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ โครงการชลประทานชุมพรได้ควบคุมปริมาณน้ำที่ประตูระบายน้ำ (ปตร.) ท่าแซะและควบคุมการระบายน้ำผ่านปตร.หัววัง คลองหัววัง – พนังตัก ปตร.พนังตักไม่ให้ล้นคลองท่าตะเภา ที่อาจจะส่งผลต่อตัวเมืองชุมพรได้ ปัจจุบันสถานการณ์น้ำยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ อีกทั้งยังติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่หมู่ที่ 1 ตำบลนาทุ่ง 2 เครื่อง และหมู่ที่ 1 ตำบลนาชะอัง อำเภอเมือง 2 เครื่อง พร้อมทั้งเดินเครื่องผลักดันน้ำในคลองชุมพร 8 เครื่องและคลองตะโกอีก 4 เครื่อง นอกจากนี้ยังติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติมที่บริเวณปลายคลองสามแก้วอีก 10 เครื่อง รวมถึงกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางการระบายน้ำหน้าอาคารชลประทานต่างๆ เพื่อเร่งระบายน้ำจากพื้นที่ตอนบนให้ไหลลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด โดยสถานการณ์น้ำในจังหวัดชุมพรส่วนใหญ่เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
ส่วนที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นั้นสถานการณ์น้ำเข้าสู่ภาวะปกติแล้วเช่นกัน โดยในเขตชุมชนเข้าสู่ช่วงฟื้นฟู สำหรับในพื้นลุ่มต่ำบางแห่งยังมีน้ำท่วมขัง หน่วยงานต่างๆ ทุกภาคส่วนเร่งช่วยเหลือ โดยคาดว่าน้ำจะแห้งทั้งหมดภายใน 2 วัน หากไม่มีฝนตกหนักลงมาเพิ่ม
กรมชลประทานใช้รถแบ็คโฮ 6 คันขุดลอกตะกอนดินคลองบางสะพานช่วงไหลออกสู่ทะเล เพื่อลดระยะทางการระบายน้ำเพื่อให้ออกทะเลได้เร็วขึ้น ส่วนที่โรงพยาบาลบางสะพานติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่องช่วยเร่งสูบน้ำที่ท่วมขังออก นอกจากนี้ยังใช้รถแบ็คโฮจัดเก็บกิ่งไม้ที่ลอยมาตามน้ำในคลองต่างๆ ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้กีดขวางทางน้ำและสนับสนุนรถบรรทุกน้ำ 2 คันสำหรับล้างทำความสะอาดพื้นที่ต่างๆ ซึ่งน้ำลดแล้วด้วย . – สำนักข่าวไทย