นายกฯเตรียมผลักดันตั้งศูนย์อาเซียนในไทย

ทำเนียบฯ 12 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ที่สิงคโปร์ เตรียมผลักดันการพัฒนายั่งยืน ร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จัดตั้งศูนย์อาเซียนในประเทศไทย


พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกำหนดการพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายนนี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของสิงคโปร์ก่อนส่งต่อให้ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 สำหรับการประชุมในครั้งนี้ สิงคโปร์กำหนดแนวความคิดการประชุมเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็งโดยมีนวัตกรรมนำ ซึ่งนอกจากจะมีประเทศสมาชิก 10 ประเทศเข้าร่วมประชุมแล้ว ยังมีประเทศคู่เจรจาอีก 8 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศ  ออสเตรเลีย จีน เกาหลี รัสเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและนิวซีแลนด์ รวมทั้งภาคีนอกภูมิภาค องค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ  อาทิ ประเทศแคนาดา ซึ่งจะเป็นประธาน จี 7 และชิลีจะเป็นประธานเอเปกในปีหน้า กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ร่วมประชุม

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้  จะมีการประชุมย่อย 14 การประชุม 2 กิจกรรม โดยการประชุมรอบปกติมี 9 การประชุม ประกอบด้วยการประชุมเต็มคณะ การประชุมร่วมกับจีน เกาหลี รัสเซีย ญี่ปุ่น อเมริกา อาเซียน บวก 3 และการประชุมร่วมกับเอเชียตะวันออกอย่างไม่เป็นทางการ การประชุมร่วมกับเอเชียตะวันออกแบบเต็มคณะ การร่วมหารือกับคู่เจรจาอย่างไม่เป็นทางการระหว่างรับประทานอาหารเช้ากับออสเตรเลียและอินเดีย การรับฟังบรรยายสรุปจากสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน การประชุมผู้นำความตกลงทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(RCEP) การหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวันระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้นำแคนาดา ชิลี และ IMF การกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Asean Business and Investment Summit ที่จัดขึ้นโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ปิดท้ายด้วยการส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้กับประเทศไทย


พล.ท.วีรชน กล่าวว่า สำหรับแนวความคิดการประชุมเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็งโดยมีนวัตกรรมนำ ไม่ได้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่จะใช้นวัตกรรมให้เป็นประโยชน์กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างไร ซึ่งผู้นำทั้ง 10 ประเทศหารือกันมาตลอด ครั้งนี้นอกจากจะพูดเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนแล้ว จะพูดเรื่องการทำ Smart City ซึ่งในที่ประชุมจะบรรลุข้อตกลงว่าในประชาคมอาเซียนจะกำหนดให้เมืองต่าง ๆ ใน 10 ประเทศที่มีอยู่ 26 เมืองเป็นเมืองอัจฉริยะ โดยไทยเสนอกรุงเทพมหานคร(กทม.) ชลบุรีและภูเก็ตให้เป็นเมืองอัจฉริยะ

“เมืองอัจฉริยะเป็นแนวคิดที่จะมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเมืองนั้นและทั้งประเทศ เพราะในเมืองอัจฉริยะไม่ได้พูดเรื่องเศรษฐกิจการค้าเท่านั้น แต่จะพูดถึงกลไกต่าง ๆ เสริมส้รางชีวิตความเป็นอยู่ ความมั่นคง อาชญากรรมข้ามชาติ และทุกเรื่องที่จะทำให้ประชาชนมีความสะดวกสบาย ทันสมัย ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันและกำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลประโยชฃน์ต่อประชาชนโดยตรง นอกจากนี้จะหารือเรื่องการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ความมั่นคงทางด้านไซเบอร์ที่ทุกภูมิภาคให้ความสำคัญ เพราะถือว่าเป็นภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน” พล.ท.วีรชน กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยจะผลักดันประเด็นต่าง ๆ เพื่อปูรากฐานไปสู่การที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562    3 ประเด็นสำคัญคือการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยไทยเน้นย้ำเสมอเรื่องการร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง การส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนทางการพัฒนาทุกมิติ โดยเฉพาะการพัฒนาทุนมนุษย์ เพราะถ้าประชากรมีขีดความสามารถ มีศักยภาพเพิ่มขึ้น จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น และนำไปสู่แนวทางการจัดตั้งศูนย์อาเซียนในประเทศไทย เพื่อศึกษาและพัฒนาอย่างยั่งยืน


“วัตถุประสงค์สำคัญคือลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างกัน การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ด้านความมั่นคง จะผลักดันความร่วมมือของประเทศในอาเซียนให้มีขีดความสามารถเท่าเทียมกัน สามารถปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคง ทั้งที่เป็นภัยคุกคามเดิม ภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ ทั้งประเด็นความร่วมมือการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ การบริหารจัดการชายแดนร่วมกัน ซึ่งทุกประเทศให้ความสำคัญในการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในอาเซียน แต่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกคือปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการภัยพิบัติ ความมั่นคงทางไซเบอร์ ที่ประเทศไทยพยามผลักดันให้มีความร่วมมือต่อเนื่อง โดยหวังว่าจะผลักดันเรื่องเหล่านี้ให้เกิดเป็นรูปธรรม  ระหว่างทำหน้าที่ประธานอาเซียนในปีหน้า” พล.ท.วีรชน กล่าว

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจ ไทยมีแนวความคิดบูรณาการด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลดอุปสรรคทางการค้า ต้องสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ที่นอกจากจะมีความเชื่อมโยงทางกายภาพ การคมนาคมต่าง ๆ แล้ว ยังมีความเชื่อมโยงด้าน กฎ กติกา ระเบียบต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้การประสานการปฏิบัติงาน ความร่วมมือที่ไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรค การค้าภายในภูมิภาค การเร่งรัดการเจรจา RCEP ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ การพัฒนาการเทคโนโลยีด้านการเงิน เพราะเป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาค รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อม และขนาดกลาง 

“ไทยย้ำให้ทุกประเทศเห็นความสำคัญของการเสริมสร้างสถาปัตยกรรมอาเซียน โดยมีอาเซียนเป็นแกนกลาง แนวคิดอินโดแปซิฟิค ซึ่งทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วมและสร้างความเกื้อกูลทุกกรอบความร่วมมือ ที่จะต้องไม่เป็นอุปสรรคระหว่างกัน นอกจากนี้อาเซียนจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ซึ่งต้องควบคู่ไปกับความเชื่อมโยงทางด้านกายภาพอื่น ๆ  ความเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรมจึงเป็นอีกประเด็นที่ประเทศไทยจะให้ความสำคัญ” พล.ท.วีรชน กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยไม่ได้มองแต่เรื่องที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้เท่านั้น แต่มองเรื่องที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญด้วย หากไม่เร่งแก้ไขจะทำให้เกิดความเดือดร้อนในภาพรวม โดยเฉพาะปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรื่องที่อาเซียนต้องคุยใกล้ชิด ความท้าทายในภูมิภาค อาทิ สถานการณ์ในยะไข่ ประเทศเมียนมา สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงและเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิค เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หากไม่ได้รับการแก่ไขอย่างเป็นรูปธรรมด้วยความร่วมมือร่วมใจของอาเซียน

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการหารือทิวภาคีกับผู้นำสหรัฐ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการประสานเรื่องเวลา ผู้นำชิลี นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ขณะเดียวกันในการประชุมครั้งนี้จะมีเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่สำคัญ โดยที่ประชุมจะรับรองเอกสารสำคัญ 7 ฉบับ คือ1. ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือทางกงสุลโดยคณะทูตของรัฐสมาชิกในอาเซียนในประเทศที่สามแก่คนของรัฐสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ กรณีประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนไม่มีสถานกงสุลที่จะดำเนินงานให้พลเมืองของตน แต่สามารถใช้บริการของสถานทูตประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ ที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องตกลงล่วงหน้าระหว่างประเทศนั้น ๆ ก่อน

2. เอกสารกรอบการดำเนินงานเรื่องเมืองอัจฉริยะ 3. ฐานแม่บทอาเซียน พ.ศ. 2568 เรื่องการบูรณาการสิทธิคนพิการ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่อาเซียนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ 4. ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการรับรองวันเยาวชนอาเซียนเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ 5. ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการเจริญเติบโตอย่างเท่าเทียมและทุกคนมีส่วนร่วมของประชาคมอาเซียน 6.แถลงการณ์ร่วมของอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 24 และ 7. แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 24.-สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ลิณธิภรณ์” แจงปมสะกดคำผิด ยอมรับผิดพลาดพร้อมแก้ไข

กระทรวงวัฒนธรรม 4 ก.ค.- “ลิณธิภรณ์” ยอมรับดรามาใช้ภาษาไทยสะกดคำผิด พร้อมแก้ไขปรับปรุงตัว รับปากจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก บอก บางครั้งรีบพิมพ์ไม่ได้ตรวจทาน ทำเกิดผลเสียทุกวันนี้ แจงมีปัญหาสุขภาพ อาจทำให้ออกเสียงควบกล้ำไม่ได้ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงดรามาเรื่องการใช้ภาษาไทยในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนขอยอมรับอย่างซื่อตรง ว่าบางครั้งในการสะกดคำของตนเองก็มีความผิดพลาด ซึ่งบางครั้งใช้การพิมพ์ด้วยเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือ และได้โพสต์ข้อความไปแล้ว ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง มันเป็นความผิดพลาด อันนี้ตนยอมรับด้วยความจริงใจ และวันนี้ตนก็เข้าใจดีว่าเมื่อมานั่งตำแหน่งตรงนี้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำ คือต้องปรับปรุง และคิดว่าหลังจากนี้ความผิดพลาดเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะตนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ของประเทศเหมือนกัน รวมถึงอีกสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือการออกเสียงควบกล้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบ จากปัญหาสุขภาพ แต่ส่วนหนึ่งตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในภาพนโยบายใหญ่ คงต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยใน รายละเอียดที่ชัดเจน และจะเข้ากระทรวงพร้อมกันในวันที่ 8 กรกฎาคม สำหรับตนหากใครที่เคยติดตาม ก็เคยเป็นคนหนึ่งที่ พูดเรื่องการศึกษาในส่วนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าสอบทีแคส (TCAS) รวมถึงเรื่องการทำโครงการ ด้านสุขภาพภาวะจิต และอาจจะเป็นโครงการหนึ่งที่ตนจะสานต่อ […]

มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ที่บราซิล

ทำเนียบ 3 ก.ค.-มอบ “จิราพร” เข้าร่วมประชุมผู้นำ BRICS ครั้งที่ 17 ที่บราซิล 6-7 ก.ค.นี้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2568 ร่วมกับผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS และประเทศหุ้นส่วนจากหลากหลายประเทศ ที่นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล โดยไทยเข้าร่วมในฐานะประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (Partner Country) สำหรับการประชุมผู้นำกลุ่ม BRICS จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความร่วมมือโลกใต้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลที่ครอบคลุมและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยบราซิลในฐานะประธานกลุ่ม BRICS ปีนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก 6 ด้าน ได้แก่ (1) สาธารณสุข (2) การค้า การลงทุน และการเงิน (3) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (4) ธรรมาภิบาลของปัญญาประดิษฐ์ […]

Hun Sen, at event marking ruling party's 74th founding anniversary

ฮุน เซน เรียกร้องปั๊ม ปตท. งดนำเข้าน้ำมันจากไทย

พนมเปญ 3 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเรียกร้องให้เจ้าของปั๊ม ปตท.เลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าจากประเทศอื่นแทน สื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างการประชุมกับครูและนักเรียนที่ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมในจังหวัดไพรแวงในวันนี้ เรียกร้องให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท.ทุกแห่งในกัมพูชาเลิกนำเข้าน้ำมันจากไทย และหันไปนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ๆ แทน ไม่ว่าจะเป็นจากเวียดนาม  มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อปั๊ม แม้ว่า ปตท.จะเป็นรัฐวิสาหกิจของไทยก็ตาม นอกจากนี้นายฮุน เซนยังพูดถึงเรื่องที่ไทยเคยขู่ว่าจะตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ห้ามขายเชื้อเพลิง และอื่นๆ ให้กัมพูชาด้วยว่า เมื่อไทยขู่มากัมพูชาก็ตอบโต้ทันที กัมพูชาต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตเหมือนกับที่กำลังเผชิญจากไทยในเวลานี้ แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากไทย แต่กัมพูชาก็ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชาเน้นย้ำว่า มาตรการทั้งหมดที่กัมพูชาได้ดำเนินไปนั้นเป็นการตอบโต้โดยตรงกับภัยคุกคามจากฝ่ายไทย รวมทั้งการที่ไทยปิดด่านพรมแดนแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า การเจรจากับไทยจะเริ่มขึ้นได้ ต่อเมื่อฝ่ายไทยจะต้องยอมเปิดด่านทุกจุดอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่เคยทำก่อนวันที่ 7 มิถุนายนแล้วเท่านั้น.-816(814).-สำนักข่าวไทย

เปิด 7 จุดยืน “ปชน.” ทางออกประเทศหาก “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้

กรุงเทพฯ 4 ก.ค. – พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “แพทองธาร” พ้นตำแหน่ง เปิดเงื่อนไขโหวตนายกฯ คนใหม่ พรรคประชาชนโพสต์เฟซบุ๊กแสดง 7 จุดยืน หาก “นายกฯ แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่ง เพื่อนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับประชาชนทุกคน ดังนี้ 1.สิ่งที่ประเทศต้องการมากที่สุด คือรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ มีความชอบธรรม และสามารถตั้งทีมบริหารจากความรู้ความสามารถ ไม่ใช่จากการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง2.รัฐบาลที่จะมีคุณสมบัติดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากสภาชุดปัจจุบัน ทางออกสำหรับประเทศจึงเป็นการจัดให้มี “การเลือกตั้งใหม่” โดยเร็ว3.รักษาการนายกฯ ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะใช้อำนาจที่ตนเองมี ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนผ่านคูหาเลือกตั้ง4.หากรักษาการนายกฯ ไม่ทำ และมีเหตุใดที่ทำให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร พ้นจากตำแหน่ง กระบวนการในการเลือกนายกฯ คนใหม่ จะต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งนายกฯ ที่พร้อมเดินหน้าสู่การยุบสภา5.เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ทางตันหรือการใช้อำนาจนอกครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ คนใหม่คนใดก็ตาม ที่ยอมรับ “เงื่อนไข” ในการเป็นรัฐบาลชั่วคราว โดยทางพรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี 6.“เงื่อนไข” ในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับนายกฯ คนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย6.1 การประกาศเส้นตายว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปี6.2 การยืนยันภารกิจเฉพาะหน้าที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว (เช่น การดำเนินการให้มีการจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี […]

ข่าวแนะนำ

ทลายบ่อนกลางกรุง พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา

กทม. 4 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เอาจริง สั่งจัดระเบียบสังคมทันที หลังรับตำแหน่ง มท.1 ประเดิมงานแรก สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันกลางกรุง หลังมีประชาชนร้องเรียน พบเจ้ามือเป็นชาวกัมพูชา วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ปิดบ่อนสะพานใหม่” จับกุมบ่อนการพนันกลางกรุง โดยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนสะพานใหม่ เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร […]

ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร

กองทัพบก 4 ก.ค.-ทบ.ยันไม่รุนแรง เหตุทหารไทยเจอทหารเขมร หลังลาดตระเวนพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์คลิปทหารพรานของไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ที่กำลังพยายามรุกลํ้าเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีอาวุธปืนครบมือนั้น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีว่า ชุดลาดตระเวนของกองร้อยทหารพรานที่ 2304 ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ได้ทำการลาดตระเวนพื้นที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณจุดชมวิวภูผี ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดน ใกล้บริเวณปราสาทโดนตวล และเขาพระวิหาร และบริเวณเส้นทางลาดตระเวนใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยมีการลาดตระเวนตรวจตราอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้าทักทายเจรจากัน และแยกย้ายกันไป ไม่มีเหตุความรุนแรงใด พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลายจุดพบกำลังทหารกัมพูชามาลาดตระเวนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บ่อยขึ้น และบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับหน่วยของกัมพูชาร่วมลงพื้นที่ด้วยตนเอง เมื่อมาพบเจอกับฝ่ายทหารไทยก็จะมีพูดทักทายกัน และบางครั้งก็อาจจะมีแสดงออกทางอารมณ์ในลักษณะเหมือนถกเถียงกันบ้าง แต่ทั้งหมดไม่ถึงขั้นตั้งใจจะใช้ความรุนแรงต่อกัน เพราะต่างฝ่ายต่างระมัดระวังไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง และต้องยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี ตามแนวทางผู้บังคับบัญชา.-313.-สำนักข่าวไทย

นักธรณีวิทยา​ย้ำไม่มีสัญญาณ​สึนามิ​เข้าไทย​ ไม่ต้องตระหนก

กรุงเทพฯ​ 4 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญทางธรณีวิทยา ย้ำขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณทางวิทยาศาสตร์​บ่งชี้ว่า​จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าสู่ประเทศไทย​ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องบริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แนะติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง ศ.ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วง​ 1-2​ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณใกล้หมู่เกาะนิโคบาร์และสุมาตรา เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ ไม่ใช่แนวดิ่ง จึงไม่เข้าลักษณะที่จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้ ขณะเดียวกัน จากการติดตามข้อมูลยังไม่พบสัญญาณทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า​ จะมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเกิดคลื่นสึนามิ ศ.ดร.สันติ กล่าว​ว่า​ ก่อนหน้านี้​เรารู้​จักแนวมุดตัวของเปลือก​โลก​บริเวณ​หมู่เกาะ​นิโคบาร์​-สุมาตรา ที่หากมีการเคลื่อนตัวจะมีโอกาส​เกิดสึนามิ​ แต่ล่าสุด​พบ​ว่า​ มีแนวภูเขาไฟ​ใต้น้ำ​บริเวณ​หมู่เกาะ​สุมาตรา​ที่​ไม่เคยปะทุมาก่อนและบอกไม่ได้​ว่าจะปะทุ​เมื่อ​ใด ซึ่งนักธรณีวิทยา​และหน่วยงาน​ด้านภัยพิบัติ​จะต้องติดตาม​อย่างต่อเนื่อง​ต่อไป​ ทั้งนี้ แม้ในอดีตจะเคยเกิดสึนามิจากรอยเลื่อนสุมาตราที่เกิดการมุดตัวของเปลือกโลก​ แต่ย้ำว่า​ เหตุการณ์ปัจจุบันไม่มีตัวชี้วัดในลักษณะเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนอย่ากังวลเกินควร อย่างไรก็ตาม การตื่นรู้ต่อภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น แอปพลิเคชันกรมอุตุนิยมวิทยา การติดตามข้อมูลจากภาครัฐ และระบบแจ้งเตือนภัยในท้องถิ่นเช่น Cell Broadcast​ ที่​ภาครัฐ​เร่งดำเนินการ​สำหรับ​แจ้ง​เตือน​ภัยพิบัติ​ต่าง​ ๆ ให้​ครอบคลุม​ทั่วประเทศ​ ทั้งนี้ ​การเตรียมความพร้อมคือเรื่องสำคัญ รัฐเองก็พยายามส่งสัญญาณให้ถึงประชาชนโดยเร็ว […]

“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม

ก.วัฒนธรรม 4 ก.ค.-“แพทองธาร” หารือผู้บริหาร ก.วัฒนธรรม แจงข่าวปลอมไทยคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ให้กัมพูชาไม่จริง ชี้ทำตั้งแต่ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมสั่งเบรกจัดสรรงบฯ คืนวัตถุโบราณกัมพูชา จ่อแจ้งความคนปล่อยเฟกนิวส์ ปลุกปั่น “กลุ่มปราสาทตาเมือน” ยันอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยไทย ช่วงบ่ายวันนี้ (4 ก.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรก มีข้อที่อยากจะฝากเอาไว้ และอยากจะให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงอยากจะอัปเดตข้อมูลให้ฟัง ซึ่งวันนี้ตนได้ทำการบ้านมาเล็กน้อย และรู้สึกดีใจที่จะได้ฟังจากทุกคนว่า แต่ละหน่วยงานแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้าง และในกระทรวงฯ มีอะไรที่อยากให้ดำเนินการเพิ่มเติมบ้าง ประเด็นแรก อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณ จำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้ว […]