นายกฯเตรียมผลักดันตั้งศูนย์อาเซียนในไทย

ทำเนียบฯ 12 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ที่สิงคโปร์ เตรียมผลักดันการพัฒนายั่งยืน ร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จัดตั้งศูนย์อาเซียนในประเทศไทย


พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกำหนดการพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายนนี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของสิงคโปร์ก่อนส่งต่อให้ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 สำหรับการประชุมในครั้งนี้ สิงคโปร์กำหนดแนวความคิดการประชุมเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็งโดยมีนวัตกรรมนำ ซึ่งนอกจากจะมีประเทศสมาชิก 10 ประเทศเข้าร่วมประชุมแล้ว ยังมีประเทศคู่เจรจาอีก 8 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศ  ออสเตรเลีย จีน เกาหลี รัสเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและนิวซีแลนด์ รวมทั้งภาคีนอกภูมิภาค องค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ  อาทิ ประเทศแคนาดา ซึ่งจะเป็นประธาน จี 7 และชิลีจะเป็นประธานเอเปกในปีหน้า กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ร่วมประชุม

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้  จะมีการประชุมย่อย 14 การประชุม 2 กิจกรรม โดยการประชุมรอบปกติมี 9 การประชุม ประกอบด้วยการประชุมเต็มคณะ การประชุมร่วมกับจีน เกาหลี รัสเซีย ญี่ปุ่น อเมริกา อาเซียน บวก 3 และการประชุมร่วมกับเอเชียตะวันออกอย่างไม่เป็นทางการ การประชุมร่วมกับเอเชียตะวันออกแบบเต็มคณะ การร่วมหารือกับคู่เจรจาอย่างไม่เป็นทางการระหว่างรับประทานอาหารเช้ากับออสเตรเลียและอินเดีย การรับฟังบรรยายสรุปจากสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน การประชุมผู้นำความตกลงทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(RCEP) การหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวันระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้นำแคนาดา ชิลี และ IMF การกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Asean Business and Investment Summit ที่จัดขึ้นโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ปิดท้ายด้วยการส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้กับประเทศไทย


พล.ท.วีรชน กล่าวว่า สำหรับแนวความคิดการประชุมเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็งโดยมีนวัตกรรมนำ ไม่ได้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่จะใช้นวัตกรรมให้เป็นประโยชน์กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างไร ซึ่งผู้นำทั้ง 10 ประเทศหารือกันมาตลอด ครั้งนี้นอกจากจะพูดเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนแล้ว จะพูดเรื่องการทำ Smart City ซึ่งในที่ประชุมจะบรรลุข้อตกลงว่าในประชาคมอาเซียนจะกำหนดให้เมืองต่าง ๆ ใน 10 ประเทศที่มีอยู่ 26 เมืองเป็นเมืองอัจฉริยะ โดยไทยเสนอกรุงเทพมหานคร(กทม.) ชลบุรีและภูเก็ตให้เป็นเมืองอัจฉริยะ

“เมืองอัจฉริยะเป็นแนวคิดที่จะมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเมืองนั้นและทั้งประเทศ เพราะในเมืองอัจฉริยะไม่ได้พูดเรื่องเศรษฐกิจการค้าเท่านั้น แต่จะพูดถึงกลไกต่าง ๆ เสริมส้รางชีวิตความเป็นอยู่ ความมั่นคง อาชญากรรมข้ามชาติ และทุกเรื่องที่จะทำให้ประชาชนมีความสะดวกสบาย ทันสมัย ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันและกำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลประโยชฃน์ต่อประชาชนโดยตรง นอกจากนี้จะหารือเรื่องการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ความมั่นคงทางด้านไซเบอร์ที่ทุกภูมิภาคให้ความสำคัญ เพราะถือว่าเป็นภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน” พล.ท.วีรชน กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยจะผลักดันประเด็นต่าง ๆ เพื่อปูรากฐานไปสู่การที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562    3 ประเด็นสำคัญคือการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยไทยเน้นย้ำเสมอเรื่องการร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง การส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนทางการพัฒนาทุกมิติ โดยเฉพาะการพัฒนาทุนมนุษย์ เพราะถ้าประชากรมีขีดความสามารถ มีศักยภาพเพิ่มขึ้น จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น และนำไปสู่แนวทางการจัดตั้งศูนย์อาเซียนในประเทศไทย เพื่อศึกษาและพัฒนาอย่างยั่งยืน


“วัตถุประสงค์สำคัญคือลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างกัน การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ด้านความมั่นคง จะผลักดันความร่วมมือของประเทศในอาเซียนให้มีขีดความสามารถเท่าเทียมกัน สามารถปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคง ทั้งที่เป็นภัยคุกคามเดิม ภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ ทั้งประเด็นความร่วมมือการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ การบริหารจัดการชายแดนร่วมกัน ซึ่งทุกประเทศให้ความสำคัญในการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในอาเซียน แต่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกคือปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการภัยพิบัติ ความมั่นคงทางไซเบอร์ ที่ประเทศไทยพยามผลักดันให้มีความร่วมมือต่อเนื่อง โดยหวังว่าจะผลักดันเรื่องเหล่านี้ให้เกิดเป็นรูปธรรม  ระหว่างทำหน้าที่ประธานอาเซียนในปีหน้า” พล.ท.วีรชน กล่าว

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจ ไทยมีแนวความคิดบูรณาการด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลดอุปสรรคทางการค้า ต้องสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ที่นอกจากจะมีความเชื่อมโยงทางกายภาพ การคมนาคมต่าง ๆ แล้ว ยังมีความเชื่อมโยงด้าน กฎ กติกา ระเบียบต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้การประสานการปฏิบัติงาน ความร่วมมือที่ไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรค การค้าภายในภูมิภาค การเร่งรัดการเจรจา RCEP ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ การพัฒนาการเทคโนโลยีด้านการเงิน เพราะเป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาค รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อม และขนาดกลาง 

“ไทยย้ำให้ทุกประเทศเห็นความสำคัญของการเสริมสร้างสถาปัตยกรรมอาเซียน โดยมีอาเซียนเป็นแกนกลาง แนวคิดอินโดแปซิฟิค ซึ่งทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วมและสร้างความเกื้อกูลทุกกรอบความร่วมมือ ที่จะต้องไม่เป็นอุปสรรคระหว่างกัน นอกจากนี้อาเซียนจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ซึ่งต้องควบคู่ไปกับความเชื่อมโยงทางด้านกายภาพอื่น ๆ  ความเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรมจึงเป็นอีกประเด็นที่ประเทศไทยจะให้ความสำคัญ” พล.ท.วีรชน กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยไม่ได้มองแต่เรื่องที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้เท่านั้น แต่มองเรื่องที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญด้วย หากไม่เร่งแก้ไขจะทำให้เกิดความเดือดร้อนในภาพรวม โดยเฉพาะปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรื่องที่อาเซียนต้องคุยใกล้ชิด ความท้าทายในภูมิภาค อาทิ สถานการณ์ในยะไข่ ประเทศเมียนมา สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงและเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิค เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หากไม่ได้รับการแก่ไขอย่างเป็นรูปธรรมด้วยความร่วมมือร่วมใจของอาเซียน

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการหารือทิวภาคีกับผู้นำสหรัฐ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการประสานเรื่องเวลา ผู้นำชิลี นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ขณะเดียวกันในการประชุมครั้งนี้จะมีเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่สำคัญ โดยที่ประชุมจะรับรองเอกสารสำคัญ 7 ฉบับ คือ1. ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือทางกงสุลโดยคณะทูตของรัฐสมาชิกในอาเซียนในประเทศที่สามแก่คนของรัฐสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ กรณีประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนไม่มีสถานกงสุลที่จะดำเนินงานให้พลเมืองของตน แต่สามารถใช้บริการของสถานทูตประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ ที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องตกลงล่วงหน้าระหว่างประเทศนั้น ๆ ก่อน

2. เอกสารกรอบการดำเนินงานเรื่องเมืองอัจฉริยะ 3. ฐานแม่บทอาเซียน พ.ศ. 2568 เรื่องการบูรณาการสิทธิคนพิการ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่อาเซียนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ 4. ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการรับรองวันเยาวชนอาเซียนเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ 5. ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการเจริญเติบโตอย่างเท่าเทียมและทุกคนมีส่วนร่วมของประชาคมอาเซียน 6.แถลงการณ์ร่วมของอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 24 และ 7. แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 24.-สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

โฆษก ทบ.ลั่น หยุดยิงไม่ได้ “กัมพูชา” เปิดฉากยิงทหารไทยแต่เช้าตรู่

กทม. 27 ก.ค.-โฆษก ทบ.ลั่น หยุดยิงไม่ได้ กัมพูชาโจมตีทหารไทยแต่เช้าตรู่ หลัง “ทรัมป์” ขอให้หยุดยิง พบบ้านเรือนประชาชนเสียหายจากจรวดBM-21 เมื่อวันที่ 27 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หารือ นายกฯ กัมพูชา และนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ หากไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาเรื่องภาษีสหรัฐนั้น ว่า กัมพูชายังไม่หยุดยิง และยังตอบโต้มาอยู่ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ มีจรวดตกนอกเขตปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ เมื่อเวลา 04.30 น. ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงทหารไทย ด้วยเครื่องยิงจรวดบีเอ็ม-21 แต่ด้วยเป้าหมายของทางกัมพูชาไม่ใช่พื้นที่ทางทหาร แต่เป็นบ้านเรือนประชาชน รวมถึงสถานพยาบาล และชุมชน โดยเมื่อ เวลา 06.30 น. กระสุนปืนใหญ่ (ไม่ทราบชนิด) ตกบริเวณพื้นที่ บ้านตาโสร์ ม.10 ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สรินทร์ […]

“ภูมิธรรม” เผยเห็นชอบข้อเสนอ “ทรัมป์” แต่กัมพูชาต้องจริงใจหยุดยิง

กรุงเทพฯ 27 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เผยคุย “ทรัมป์” เห็นชอบข้อเสนอหยุดยิง แต่ต้องการเห็นความตั้งใจจริงของกัมพูชาและเร่งหารือทวิภาคี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านfacebook Phumtham Wechayachai เมื่อคืนวานนี้ (27 ก.ค.) ว่า ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เสนอให้ประเทศไทยและกัมพูชาดำเนินการหยุดยิงโดยทันที เพื่อยุติความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นบริเวณชายแดน ฝ่ายไทยได้แสดงความขอบคุณต่อความห่วงใยและความปรารถนาดีจากสหรัฐฯ พร้อมยืนยันว่า “ในหลักการ ฝ่ายไทยเห็นชอบต่อการหยุดยิง” อย่างไรก็ดี ไทยยังต้องการเห็น “ความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาในเรื่องดังกล่าว” ไทยจึงได้ขอให้สหรัฐฯ ช่วยถ่ายทอดจุดยืนนี้ไปยังกัมพูชา โดยเสนอให้มีการหารือแบบทวิภาคีโดยเร็วที่สุด และให้กัมพูชาแสดงความจริงจังและจริงใจ เพื่อกำหนดมาตรการและกระบวนการที่ชัดเจนในการหยุดยิง ซึ่งจะนำไปสู่การยุติข้อพิพาทอย่างสันติและยั่งยืนในระยะยาว การเจรจาดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของนานาชาติในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา สำหรับข้อความที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Phumtham Wechayachai ระบุว่า “เมื่อครู่ที่ผ่านมา ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เสนอให้ประเทศไทยและกัมพูชาดำเนินการหยุดยิงโดยทันที ผมได้กล่าวขอบคุณต่อความห่วงใยและความปรารถนาดีของฝ่ายสหรัฐฯ และยืนยันว่า […]

ไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ-อีสาน

กทม. 27 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน และอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. […]

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย