นายกฯเตรียมผลักดันตั้งศูนย์อาเซียนในไทย

ทำเนียบฯ 12 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ที่สิงคโปร์ เตรียมผลักดันการพัฒนายั่งยืน ร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จัดตั้งศูนย์อาเซียนในประเทศไทย


พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกำหนดการพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายนนี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของสิงคโปร์ก่อนส่งต่อให้ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 สำหรับการประชุมในครั้งนี้ สิงคโปร์กำหนดแนวความคิดการประชุมเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็งโดยมีนวัตกรรมนำ ซึ่งนอกจากจะมีประเทศสมาชิก 10 ประเทศเข้าร่วมประชุมแล้ว ยังมีประเทศคู่เจรจาอีก 8 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศ  ออสเตรเลีย จีน เกาหลี รัสเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและนิวซีแลนด์ รวมทั้งภาคีนอกภูมิภาค องค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ  อาทิ ประเทศแคนาดา ซึ่งจะเป็นประธาน จี 7 และชิลีจะเป็นประธานเอเปกในปีหน้า กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ร่วมประชุม

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้  จะมีการประชุมย่อย 14 การประชุม 2 กิจกรรม โดยการประชุมรอบปกติมี 9 การประชุม ประกอบด้วยการประชุมเต็มคณะ การประชุมร่วมกับจีน เกาหลี รัสเซีย ญี่ปุ่น อเมริกา อาเซียน บวก 3 และการประชุมร่วมกับเอเชียตะวันออกอย่างไม่เป็นทางการ การประชุมร่วมกับเอเชียตะวันออกแบบเต็มคณะ การร่วมหารือกับคู่เจรจาอย่างไม่เป็นทางการระหว่างรับประทานอาหารเช้ากับออสเตรเลียและอินเดีย การรับฟังบรรยายสรุปจากสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน การประชุมผู้นำความตกลงทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(RCEP) การหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวันระหว่างผู้นำอาเซียนกับผู้นำแคนาดา ชิลี และ IMF การกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Asean Business and Investment Summit ที่จัดขึ้นโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ปิดท้ายด้วยการส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้กับประเทศไทย


พล.ท.วีรชน กล่าวว่า สำหรับแนวความคิดการประชุมเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็งโดยมีนวัตกรรมนำ ไม่ได้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่จะใช้นวัตกรรมให้เป็นประโยชน์กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างไร ซึ่งผู้นำทั้ง 10 ประเทศหารือกันมาตลอด ครั้งนี้นอกจากจะพูดเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนแล้ว จะพูดเรื่องการทำ Smart City ซึ่งในที่ประชุมจะบรรลุข้อตกลงว่าในประชาคมอาเซียนจะกำหนดให้เมืองต่าง ๆ ใน 10 ประเทศที่มีอยู่ 26 เมืองเป็นเมืองอัจฉริยะ โดยไทยเสนอกรุงเทพมหานคร(กทม.) ชลบุรีและภูเก็ตให้เป็นเมืองอัจฉริยะ

“เมืองอัจฉริยะเป็นแนวคิดที่จะมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเมืองนั้นและทั้งประเทศ เพราะในเมืองอัจฉริยะไม่ได้พูดเรื่องเศรษฐกิจการค้าเท่านั้น แต่จะพูดถึงกลไกต่าง ๆ เสริมส้รางชีวิตความเป็นอยู่ ความมั่นคง อาชญากรรมข้ามชาติ และทุกเรื่องที่จะทำให้ประชาชนมีความสะดวกสบาย ทันสมัย ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันและกำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลประโยชฃน์ต่อประชาชนโดยตรง นอกจากนี้จะหารือเรื่องการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ความมั่นคงทางด้านไซเบอร์ที่ทุกภูมิภาคให้ความสำคัญ เพราะถือว่าเป็นภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน” พล.ท.วีรชน กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยจะผลักดันประเด็นต่าง ๆ เพื่อปูรากฐานไปสู่การที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562    3 ประเด็นสำคัญคือการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยไทยเน้นย้ำเสมอเรื่องการร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง การส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนทางการพัฒนาทุกมิติ โดยเฉพาะการพัฒนาทุนมนุษย์ เพราะถ้าประชากรมีขีดความสามารถ มีศักยภาพเพิ่มขึ้น จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น และนำไปสู่แนวทางการจัดตั้งศูนย์อาเซียนในประเทศไทย เพื่อศึกษาและพัฒนาอย่างยั่งยืน


“วัตถุประสงค์สำคัญคือลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างกัน การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ด้านความมั่นคง จะผลักดันความร่วมมือของประเทศในอาเซียนให้มีขีดความสามารถเท่าเทียมกัน สามารถปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคง ทั้งที่เป็นภัยคุกคามเดิม ภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ ทั้งประเด็นความร่วมมือการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ การบริหารจัดการชายแดนร่วมกัน ซึ่งทุกประเทศให้ความสำคัญในการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในอาเซียน แต่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกคือปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการภัยพิบัติ ความมั่นคงทางไซเบอร์ ที่ประเทศไทยพยามผลักดันให้มีความร่วมมือต่อเนื่อง โดยหวังว่าจะผลักดันเรื่องเหล่านี้ให้เกิดเป็นรูปธรรม  ระหว่างทำหน้าที่ประธานอาเซียนในปีหน้า” พล.ท.วีรชน กล่าว

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจ ไทยมีแนวความคิดบูรณาการด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลดอุปสรรคทางการค้า ต้องสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ที่นอกจากจะมีความเชื่อมโยงทางกายภาพ การคมนาคมต่าง ๆ แล้ว ยังมีความเชื่อมโยงด้าน กฎ กติกา ระเบียบต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้การประสานการปฏิบัติงาน ความร่วมมือที่ไม่มีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรค การค้าภายในภูมิภาค การเร่งรัดการเจรจา RCEP ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ การพัฒนาการเทคโนโลยีด้านการเงิน เพราะเป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาค รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดย่อม และขนาดกลาง 

“ไทยย้ำให้ทุกประเทศเห็นความสำคัญของการเสริมสร้างสถาปัตยกรรมอาเซียน โดยมีอาเซียนเป็นแกนกลาง แนวคิดอินโดแปซิฟิค ซึ่งทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วมและสร้างความเกื้อกูลทุกกรอบความร่วมมือ ที่จะต้องไม่เป็นอุปสรรคระหว่างกัน นอกจากนี้อาเซียนจะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ซึ่งต้องควบคู่ไปกับความเชื่อมโยงทางด้านกายภาพอื่น ๆ  ความเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรมจึงเป็นอีกประเด็นที่ประเทศไทยจะให้ความสำคัญ” พล.ท.วีรชน กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยไม่ได้มองแต่เรื่องที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้เท่านั้น แต่มองเรื่องที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญด้วย หากไม่เร่งแก้ไขจะทำให้เกิดความเดือดร้อนในภาพรวม โดยเฉพาะปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรื่องที่อาเซียนต้องคุยใกล้ชิด ความท้าทายในภูมิภาค อาทิ สถานการณ์ในยะไข่ ประเทศเมียนมา สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพความมั่นคงและเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิค เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หากไม่ได้รับการแก่ไขอย่างเป็นรูปธรรมด้วยความร่วมมือร่วมใจของอาเซียน

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการหารือทิวภาคีกับผู้นำสหรัฐ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการประสานเรื่องเวลา ผู้นำชิลี นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ขณะเดียวกันในการประชุมครั้งนี้จะมีเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่สำคัญ โดยที่ประชุมจะรับรองเอกสารสำคัญ 7 ฉบับ คือ1. ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือทางกงสุลโดยคณะทูตของรัฐสมาชิกในอาเซียนในประเทศที่สามแก่คนของรัฐสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ กรณีประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนไม่มีสถานกงสุลที่จะดำเนินงานให้พลเมืองของตน แต่สามารถใช้บริการของสถานทูตประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ ที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม จะต้องตกลงล่วงหน้าระหว่างประเทศนั้น ๆ ก่อน

2. เอกสารกรอบการดำเนินงานเรื่องเมืองอัจฉริยะ 3. ฐานแม่บทอาเซียน พ.ศ. 2568 เรื่องการบูรณาการสิทธิคนพิการ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่อาเซียนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ 4. ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการรับรองวันเยาวชนอาเซียนเพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ 5. ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการเจริญเติบโตอย่างเท่าเทียมและทุกคนมีส่วนร่วมของประชาคมอาเซียน 6.แถลงการณ์ร่วมของอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 24 และ 7. แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 24.-สำนักข่าวไทย      

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

US election

ทรัมป์-แฮร์ริส หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตรวันนี้

ขณะนี้เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายน ผลสำรวจความเห็นประชาชนต่างชี้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส