บางจากฯ โชว์ 9 เดือน กำไร 4,700 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 9 พ.ย. – กลุ่มบางจากฯ โชว์ผลงาน 9 เดือน กลั่นน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นำนวัตกรรมต่อยอดธุรกิจ พร้อมผลักดันยอดขายสร้างรายได้โตต่อเนื่อง 


นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทบางจากฯ 9 เดือนแรกของปี 2561 ว่า บริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 143,244 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 10,518 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 4,710 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 4,009 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.91 บาท

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 53,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มี EBITDA 4,160 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,216 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 1,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 84 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.35 บาท โดยหลักมาจากธุรกิจโรงกลั่นที่มีอัตราการผลิตระดับสูงและค่าการกลั่นที่ดี และธุรกิจพลังงานไฟฟ้ารับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน


ด้านกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA รวม 2,142 ล้านบาท มีปริมาณการผลิตเฉลี่ยทั้งไตรมาสอยู่ที่ 118,820 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 99 ของกำลังการผลิตรวม ซึ่งเป็นสถิติอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีค่าการกลั่นพื้นฐาน 7.60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มีค่าการกลั่นรวม 8.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยค่าการกลั่นรวม (Total GRM) เท่ากับ 2,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากค่าการกลั่นพื้นฐาน (Market GRM) ที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากหลังจากช่วงการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ประกอบกับต้นทุนน้ำมันดิบได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคาน้ำมันดิบเดทต์เบรนกับน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ลดลง ในไตรมาสนี้มี Inventory Gain 241 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น แต่มีรายการขาดทุนจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้า 78 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 468 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายรวม 1,451 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีส่วนแบ่งการตลาดผ่านสถานีบริการเป็นอันดับ 2 ส่วนแบ่งการตลาดเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2561 อยู่ที่ร้อยละ 16 ส่วนจำนวนสถานีบริการสิ้นเดือนกันยายน 2561 จำนวน 1,154 สาขา บางจากฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์เพื่อผลักดันยอดขายผ่านโปรแกรมการตลาดต่าง ๆ โดยเปิดตัวบัตรสมาชิกรูปแบบใหม่ “บางจากกรีนไมล์” สามารถสะสมคะแนนได้ทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันรวมทั้งสินค้าและบริการในเครือบางจาก พัฒนา Bangchak Mobile Application เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วให้กับสมาชิกมากขึ้น พร้อมเปิดตัว 

สถานีบริการรูปแบบทันสมัยที่ใช้ตู้จ่ายแบบแขวนระบบดิจิตอล บนถนนสุขุมวิท ซอย 62 เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ พร้อมนวัตกรรมใหม่ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ศรีนครินทร์ ที่ติดตั้งระบบบริหารจัดการพลังงานชุมชนสีเขียว Green Community Energy Management System หรือ GEMS เพื่อริเริ่มโครงการนำร่องประมูลซื้อไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี Blockchain ในระบบผลิตไฟฟ้าแบบไม่เชื่อมต่อกับสายส่งการไฟฟ้า (Smart Isolated Microgrid) เพื่อให้อาคารและร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่สามารถซื้อ-ขายเพื่อใช้ไฟฟ้าในต้นทุนที่ต่ำได้ปริมาณมากที่สุด


กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA 1,542 ล้านบาท มีรายได้จากการขายและให้บริการ 830 ล้านบาท และมีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยค่าความเข้มแสงเฉลี่ยของโครงการทั้งในและต่างประเทศปรับลดลง จากปริมาณเมฆและฝนตกมากขึ้น ในไตรมาสนี้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 114 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ 21 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ 93 ล้านบาท นอกจากนี้ มีการรับรู้กำไรจำนวน 795 ล้านบาท จากการจำหน่ายสินทรัพย์โครงการโซลาร์ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศญี่ปุ่น

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA รวม 149 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล 111 ล้านบาท และธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล 65 ล้านบาท โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลมีรายได้ 1,460 ล้านบาท มีอัตราการผลิตเฉลี่ยที่ 681,000 ลิตรต่อวัน มีสัดส่วนการผสม B100 ในน้ำมันดีเซลร้อยละ 7 ตลอดไตรมาส กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบปรับลดลงมากกว่าราคาผลิตภัณฑ์ B100 ที่ปรับลดลง ในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล มีรายได้ 1,156 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของบริษัท เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีปริมาณการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังเฉลี่ย 129,000 ลิตรต่อวัน และปริมาณการผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล 333,000 ลิตรต่อวัน แต่ในส่วนของกำไรขั้นต้นได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ธุรกิจสำรวจและผลิตมีรายได้ลดลงจากปริมาณการจำหน่ายที่ลดลง เนื่องจากกลุ่มบริษัทได้ขายหุ้นใน Nido Production (Galoc) Pty. Ltd. ซึ่งเป็นผู้ถือครองแหล่งน้ำมันดิบ Galoc อยู่ร้อยละ 55.8 ซึ่งรายการซื้อขายหุ้นและการชำระดังกล่าวได้แล้วเสร็จไตรมาส 3 ของปีนี้ ทำให้มีการรับรู้กำไรจากการต่อรองประมาณการเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 42 ล้านบาท 

นอกจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาและนำนวัตกรรมที่สร้างสรรค์มาขับเคลื่อนธุรกิจในกลุ่ม เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต รวมทั้งสร้างโอกาสและการเติบโตอย่างยั่งยืนแล้ว บริษัท บางจากฯ ยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นองค์กรที่มีคุณค่า รับผิดชอบ สร้างประโยชน์ต่อสังคมใกล้และสังคมไกลของบริษัท ตามวัฒนธรรมองค์กร “พัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม” โดยล่าสุดบางจากฯ ต่อยอดการใช้แก้วไบโอคัพในร้านอินทนิล โดยเปลี่ยนเป็นแก้วที่ใช้ฝาใหม่ไร้หลอด เพื่อลดปริมาณขยะจากการใช้หลอดพลาสติก ลดผลกระทบและร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่แก่นมะกรูด จังหวัดอุทัยธานี ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรชุมชน สามารถรองรับผู้มาเยี่ยมชมได้ตลอดทั้งปี โดยพัฒนาองค์ความรู้ทางการเกษตรเพื่อการประกอบอาชีพของเกษตรกร การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น กล้วยคลุกสมุนไพร – ธัญพืช ส่งเสริมการปลูกอ้อยชนิดคั้นน้ำเพื่อนำมาจำหน่ายเป็นวัตถุดิบให้ร้านสพาร์ (SPAR) ช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง และเพิ่มช่องทางกระจายสินค้า .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

คปท.รวมตัวหน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงจุดยืนกรณีพิพาทพรมแดน

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ชูธงชาติไทย-ป้ายสัญลักษณ์ หน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงเจตจำนงปกป้องประเทศชาติ กรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เดินทางมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถนนประชาอุทิศ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง เพื่อเคลื่อนไหวจากกรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต่างประดับประดาด้วยธงชาติ และชูป้ายสัญลักษณ์ข้อความแสดงอุดมการณ์เจตนารมณ์ถึงการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้นำรถขยายเสียงมาพูดปราศรัยแสดงเจตจำนงที่จะปกป้องประเทศชาติในช่วงสถานการณ์พิพาทระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชา เปิดกระจกออกมาเพื่อใช้มือถือถ่ายภาพการชุมนุมเป็นระยะๆ สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ทาง สน.วังทองหลาง และ บก.น.4 ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 หมวด ประมาณ 100 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ วางกำลังดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา พร้อมนำแผงรั้วเหล็กกั้นมาวางเป็นแนวยาว เพื่อไม่ให้ม็อบเข้าประชิดติดตัวกำแพงสถานเอกอัครราชทูต เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่จะส่งผลต่อความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ.-414-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ร่วมวงถก สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” เลื่อนวาระงาน เพื่อร่วมประชุม สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 10.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งเลื่อนการประชุมติดตามมาตรการป้องกันปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเป็น 11.00 น. เพื่อมาร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. หารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสรุปมาตรการตอบโต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มารอต้อนรับ ซึ่งการร่วมประชุม กับ สมช. ในวันนี้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าและเป็นการมาร่วมประชุมกับ สมช. เป็นครั้งแรก .-316 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “เตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารจากจุดปะทะ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “พลเอกเตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารออกจากจุดปะทะ ออกไป 200 เมตร กลับไปอยู่จุดเดิม ฝากข้อเสนอนี้ให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา-สมเด็จฮุนเซน พิจารณา ย้ำไทยไม่ยอมรับศาลโลก ระบุไม่อยากให้เกิดสงคราม ยันเดินหน้าประชุมเจบีซี 14 มิถุนายนนี้ วอนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังได้หารือร่วมกับ พลเอก เตีย เสฮา (Tea Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวานนี้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ว่า ได้มีการหารือกันว่าจะคลี่คลายกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในขณะนี้ โดยรัฐบาลไทยได้ยืนยันแล้ว ว่าไม่อยากเห็นสงคราม และไทยไม่ได้กังวลที่จะมีการสู้รบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการสูญเสีย ซึ่งไม่ต้องการเห็นตรงนั้น ดังนั้นความสัมพันธ์ที่มีอยู่จึงน่าจะพูดคุยกันได้ ดังนั้นได้มีการพูดคุยกันในภาพรวม โดยสรุปตนเองก็ได้ฝากไปว่า เมื่อคุยกันแล้วและเข้าใจจุดยืนของแต่ละฝ่ายแล้ว เราอยากให้เป็นการคุยจำกัดเฉพาะที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้เข้าศาลโลก เพราะตั้งแต่ปี 2503 มา จนกระทั่งปี 2567 นายเศรษฐา ทวีศิลป์ […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 40% ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับมีร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 7-11 มิ.ย. 68 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยมีคลื่นสูง […]