ราชดำริ 5 พ.ย.-นพ.ธีระเกียรติ มอบนโยบาย เตรียมพัฒนาอาชีวะสู่ระดับสากล มอบ กมว.ปลดล็อคใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูอาชีวะ หลังพบขาดแคลนหนัก
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาอาชีวศึกษาแห่งชาติสู่สากล ว่า การประชุมนี้ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่มีทุกภาคส่วนทั้งสภาอุตสาหกรรม หอการค้าแห่งประเทศไทย คณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา(กรอ.อศ.) มีข้อตกลงร่วมกันที่จะช่วยนำพาอาชีวศึกษาไปสู่สากล โดยขณะนี้มีหลักสูตรนานาชาติ ได้แก่ หลักสูตร Business and Technology Education Council-BTEC ของสถาบันเพียร์สัน (Pearson) สหราชอาณาจักร ที่ผ่านการรับรองนำมาใช้จัดการศึกษาในสถาบันการศึกษาของประเทศไทย อนาคตก็มีหลักสูตรของประเทศอื่นๆได้เสนอมาด้วย ตรงนี้จะเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จะต้องปรับตัวตั้งแต่หลักสูตร วิธีการเรียนการสอน การออกใบรับรองควรจะเน้นตามสมรรถนะมากกว่าตามเกรดเฉลี่ย ดังนั้น ตนได้มอบนโยบายกับนายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ไปว่าตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 เป็นต้นไปทิศทางในประเทศจะตามแนวทางนี้ โดยอาจจะเริ่มต้นที่ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ทำไปจากจุดเล็กๆ ตรงซึ่งจะไม่กระทบกับผู้เรียนเก่าแน่นอน ส่วนจะเป็นสาขาใดทาง สอศ.ต้องไปดูรายละเอียด
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า ได้พูดคุยกับเลขาธิการ กพฐ.และภาคเอกชนทำให้ทราบว่าปัญหาสำคัญของอาชีวศึกษาคือขาดแคลนอาจารย์มากกว่า 18,000 คน ซึ่งกว่าจะผลิตได้ก็ต้องใช้เวลานานหลายปี จึงมอบนโยบายให้เปลี่ยนโรงงานให้เป็นโรงเรียน มีหลักสูตรการเรียนที่ภาคเอกชนมาร่วมพัฒนาให้ตรงกับความต้องการ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดครูอาจารย์ของอาชีวะนั้น ตนได้ให้โจทย์กับคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ(กมว.)ไปศึกษาแนวทางปลดล็อกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สำหรับผู้สอนอาชีวศึกษาซึ่งควรจะมีหลายรูปแบบ เนื่องจากขณะนี้มีทั้งครูที่สอนในสถานศึกษาที่ไม่ได้จบคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์โดยตรง ต้องไปเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาชีพ ใช้เวลาอีกเป็นปีๆ ยังมีผู้ดูแลที่อยู่ในสถานประกอบการที่ทำหน้าที่ครูพี่เลี้ยงในโครงการทวิภาคี เป็นต้น ตรงนี้ กมว.ต้องไปคิดและมาเสนอ
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ภาครัฐและภาคเอกชนมาร่วมกันผลักดันการพัฒนาคน ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ภาค อุตสาหกรรมก็ต้องเปลี่ยนแปลงไม่สามารถนิ่งดูดายได้ ต้องปรับตัว ต้องเรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่อยู่เสมอ ขณะที่หลักสูตรการศึกษาของไทยยังมีข้อจำกัดอยู่เยอะมากจะทำอย่างไรก็ไม่ทันกับเทคโนโลยี ซึ่งการที่ ศธ.มีการนำหลักสูตรนานาชาติเข้ามาใช้ เช่น หลักสูตร BTEC ที่จากการสอบถามก็พบว่ามีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่ตลอด มีการพัฒนาเทรนเนอร์ที่จะช่วยให้คำแนะนำ เป็นหลักสูตรที่พร้อมจะสร้างคนเพื่อทำงานได้ทันที ก็ถือได้ว่าตรงกับความต้องการของภาคเอกชน ตรงความต้องการของประเทศ.-สำนักข่าวไทย