มหาสารคาม 5 พ.ย.-ชาวบ้านใน 3 จังหวัดภาคอีสาน คือ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และสุรินทร์ ถูกร่างทรงคนหนึ่งหลอกให้ขุดสิ่งที่อ้างว่าเป็นสมบัติโบราณในที่ดินของตัวเอง แล้วหลอกให้ชาวบ้านนำเงินและทรัพย์สินต่างๆ คนละกว่า 100,000 บาท ให้ร่างทรงนำไปทำพิธีเพื่อให้ขายสมบัติโบราณเหล่านั้นได้ ติดตามได้ในรายงานพิเศษ “ร่างทรงหลอกขุดสมบัติโบราณ” วันนี้เสนอเป็นตอนที่ 1
สิ่งของเหล่านี้ถูกอ้างว่าเป็นสมบัติโบราณสมัยนครจำปาศรี มีศูนย์กลางอยู่ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม เมื่อราว 1,300 ปีผ่านมาแล้ว ซึ่งถูกขุดพบในที่ดินของชาวบ้านหลายคนในหมู่บ้านหัวโสก ต.หนองโพธิ์ อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม
แต่นั่นเป็นเรื่องราวที่ถูกกุขึ้นจากร่างทรงคนหนึ่ง เพื่อให้ชาวบ้านหลงเชื่อ และยอมมอบเงินทองของตัวเองให้อย่างไม่รู้ตัว
นางแสง พิมพิชัย ได้รับคำแนะนำจากร่างทรงชาวหมู่บ้านโพนทอง ต.ดงครั้งใหญ่ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งรู้จักกันมา 2 ปี ว่าที่นาของเธอมีทรัพย์สมบัติโบราณฝังอยู่จำนวนมาก ให้ขุดขึ้นมาขาย จะได้หลุดพ้นความยากจน เมื่อเธอเชื่อ ร่างทรงมาทำพิธีขุดให้ พบสร้อยสังวาล ไหขนาดเล็ก และพระเครื่องกรุนาดูน
ร่างทรงคนดังกล่าวนำสิ่งของที่ขุดพบบางส่วนกลับไปบ้านของตัวเองที่ จ.ร้อยเอ็ด อ้างจะนำไปสวดถอนอาถรรพ์ให้ ให้นางแสงเปิดบัญชีธนาคาร 10,000 บาท พร้อมทำบัตรเอทีเอ็มไว้รับโอนเงินที่จะได้จากการขายสมบัติโบราณ แต่ร่างทรงก็เอาทั้งบัญชีธนาคาร เอทีเอ็ม พร้อมรหัสไปด้วย นอกจากนี้ ยังเรียกเงินสดรวม 100,000 กว่าบาท สร้อยคอทองคำหนัก 50 สตางค์ และพระเครื่องบนหิ้งพระหลายองค์ ซึ่งอ้างว่าจะนำกลับมาคืนทั้งหมดเมื่อเสร็จพิธี
ไหใบนี้ถูกขุดมาได้จากที่นาของนางบุญมี แสงปัดสา โดยร่างทรงคนเดียวกัน หลังขุดเจอสิ่งของเหล่านี้ ร่างทรงก็ให้นางบุญมี นำเงินมอบให้ เพื่อไปสวดทำพิธีอีกเกือบ 70,000 บาท ส่วนสิ่งของที่ขุดพบให้นางบุญมี เก็บบูชาไว้ที่บ้าน เมื่อถึงเวลาจะนำไปขายให้ ซึ่งอ้างว่ามูลค่าหลายสิบล้าน โดยเฉพาะพระเครื่ององค์นี้ ราคา 2.9 ล้านบาท พร้อมเรียกค่าดำเนินการขายพระอีก 45,000 บาท
นางบุญมี เริ่มรู้สึกว่า ร่างทรงเรียกรับเงินอ้างนำไปทำพิธีอย่างเดียว แต่เมื่อทวงถาม ก็ไม่เคยได้เงินกลับคืน ได้แต่สงสัย แต่ก็ไม่กล้าเปิดไหที่ขุดขึ้นมาได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน เพราะร่างทรงกำชับไว้ว่า ถ้าเปิดก่อนที่เขาจะอนุญาตจะมีอันเป็นไป
มีชาวบ้าน 9 คน ในหมู่บ้านหัวโสก ที่ร่างทรงคนดังกล่าวบอกว่า มีทรัพย์สมบัติโบราณในที่ดินของตัวเอง เมื่อขุดพบสิ่งของ ชาวบ้านยิ่งเชื่อในอภินิหาร และยอมนำทรัพย์สินเงินทองของตัวเองให้ร่างทรงไปทำพิธีต่อ แล้วแต่ว่าร่างทรงต้องการอะไร ที่เหมือนกันคือ ให้เงินร่างทรงไปทำพิธีคนละเกือบ 100,000 บาท รวมทั้งทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ โดยเฉพาะสร้อยคอทองคำ และผ้าไหม บางคนไม่มีเงิน ร่างทรงจะแนะนำให้ขายทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อนำเงินมอบให้ไปทำพิธี เช่น นางเผย ปินะถา ยอมขายวัวที่มีเพียงตัวเดียวได้ 20,000 กว่าบาท และนำเงินให้ร่างทรงไปทำพิธีเกือบทั้งหมด
ความเชื่อด้านไสยศาสตร์ ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าหากไม่เชื่อฟังร่างทรงคนนี้ จะมีอันเป็นไป หลายคนจึงไม่กล้าทวงเงินของตัวเองคืน และชาวบ้านบางส่วน ก็ยังหลงเชื่อว่าสิ่งของที่ขุดได้ รวมถึงพิธีกรรมต่างๆ นั้น เป็นเรื่องจริง ทั้งที่ยังไม่เคยมีใครได้เงินของตัวเองกลับคืน หรือนำสิ่งของที่ขุดเจอไปขายได้ เพราะสิ่งของเหล่านั้นไม่ใช่สมบัติโบราณจริง แต่เป็นของปลอมที่มีการแอบฝังไว้ในช่วงที่มีการทำพิธีขุด เนื่องจากมีชาวบ้านที่เคยเป็นลูกมือของร่างทรงคนนี้ เคยเห็นกับตาตัวเองว่าร่างทรงมีกลวิธีหลอกชาวบ้านอย่างไรบ้าง.-สำนักข่าวไทย