เชียงใหม่ 11 ก.ย. – กรมธนารักษ์เตรียมตัดเงื่อนไขบ้านหลังแรก เปิดจองบ้านธนารักษ์ประชารัฐเฟส 2 เดินหน้าปรับสัญญาเช่าที่ราชพัสดุให้เป็นมาตรฐาน หลังเพิ่มรายได้จาก 6,700 ล้านบาทในปี 59 เป็น 10,000 ล้านบาทในปี 60 ยอมรับพับแผนพัฒนาสถานีมักกะสันรอกฤฎีกายกร่างกฎหมายเวนคืนชัดเจน
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า เตรียมปรับเงื่อนไขการจองบ้านธนารักษ์ประชารัฐเฟส 2 เพิ่มเติม หลังจากพบว่ารายย่อยจำนวนมากมาจองแล้วไม่ผ่านข้อกำหนด เพื่อต้องการให้ผู้มีรายได้น้อยซึ่งลงทะเบียนรับสวัสดิการจากภาครัฐผ่าน 3 แบงก์รัฐมีโอกาสจองซื้อ ด้วยการเสนอตัดเงื่อนไขบ้านหลังแรก เพื่อเปิดโอกาสเป็นเจ้าของมากขึ้น รวมทั้งเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ เพื่อเปิดให้ประชาชนจองได้ในช่วงกลางปี 2560 เนื่องจากต้องจัดทำประชาพิจารณ์กับชาวบ้านในพื้นที่และนำปัญหารอบที่ผ่านมาวิเคราะห์และปรับเงื่อนไขให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ หลังจากเปิดให้ประชาชนทั่้วไปจองซื้อบ้านธนารักษ์ประชารัฐทั้งการเช่าระยะสั้นของราชการในย่านสะพานควาย 2 แปลง มีผู้สนใจจอง 2,302 ยูนิต จากจำนวนสร้าง 782 หน่วย เกินเป้าหมายร้อยละ 80 ขณะที่บ้านธนารักษ์หัวหิน มีผู้จองซื้อ 1,478 หน่วย จากจำนวนสร้าง 660 หน่วย เกินเป้าหมายร้อยละ 200 แต่จากการตรวจสอบคุณสมบัติพบว่ามีผู้ไม่ผ่านเงื่อนไขที่กำหนดเกินครึ่ง เนื่องจากรายย่อยจำนวนมากไม่เข้าเกณฑ์บ้านหลังแรก เพราะมีบ้านเช่า มีบ้านบุกรุก แต่มีทะเบียนบ้านจึงถูกระบุว่ามีบ้านอาศัยแล้ว การเปิดให้จองเฟส 2 จึงต้องปรับเงื่อนไขเพิ่มคาดว่าสรุปเดือนกันยายนนี้
สำหรับการสร้างบ้านธนารักษ์ประชารัฐเฟส 2 เลือกทำเลบริเวณชุมนุมสหกรณ์การเกษตรภาคเหนือ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เยื้องศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ทั้งหมด 65 ไร่ ซึ่งเปิดให้เช่าสำหรับดำเนินกิจการผลผลิตทางการเกษตร แต่ใช้ประโยชน์ได้เพียงบางส่วน จึงนำมาพัฒนาบ้านธนารักษ์ประชารัฐพื้นที่ 14 ไร่ เนื่องจากอยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่ จึงสะดวกต่อการเดินทางเข้าเมืองและการพัฒนาที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังคัดเลือกพื้นที่ราชพัสดุกองพันสัตว์ กองทัพบกค่ายตากสิน ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากศูนย์ราชการเชียงใหม่เพียง 3.2 กิโลเมตร ลักษณะเป็นพื้นที่ราบ จึงได้เจรจาขอใช้พัฒนาที่อยู่อาศัย 15 ไร่ จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปและทหารชั้นผู้น้อยเข้าอยู่อาศัย
รวมทั้งยังได้เตรียมจัดหาพื้นที่ราชพัสดุเพิ่มสำหรับการพัฒนาโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐปี 2560 เบื้องต้นสำรวจทำเลบริเวณช่องนนทรี เขตยานนาวา เนื้อที่ 2.1 ไร่ , บริเวณบึงคำพร้อย เขตลำลูกกา เนื้อที่ 7 ไร่ , บริเวณแขวงบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื้อที่ 44 ไร่ , บริเวณแขวงเตย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษธานี เนื้อที่ 3 ไร่ เพื่อนำมาพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน นอกจากนี้ ยังได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมผู้ปกครองโรงเรียนเรนียา โรงเรียนพระหฤทัยเชียงใหม่ มงฟอร์ด ซึ่งได้คัดค้านการสร้างบ้านธนารักษ์ประชารัฐบริเวณถนนช้างคาน เนื่องจากเป็นเส้นทางอนุรักษ์ มีชุมชนหลายศาสนาอาศัย จึงฝากให้กลุ่มชาวบ้าน สมาคมผู้ปกครองโรงเรียนร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่จัดทำแผนลงทุนผ่านหน่วยงานรัฐและเอกชน เพื่อจัดทำสวนสาธารณะ โดยต้องมีการบริหารจัดการต่อเนื่อง เพื่อส่งให้กรมธนารักษ์พิจารณา
สำหรับผลดำเนินงานปี 2559 คาดว่าจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและค่าเช่า 6,700 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 5,950 ล้านบาท ดังนั้น ปี 2560 กำหนดเป้าหมายรายได้ทั้งค่าเช่าและค่าธรรมเนียม 10,000 ล้านบาท ด้วยการปรับเงื่อนไข กำหนดสัญญาเช่ากับภาคเอกชนในการใช้ประโยชน์จากที่ราชพัสดุให้เป็นมาตรฐานเดียวกับทั้งประเทศ โดยอ้างอิงราคาประเมินปี 2550 ใช้ฐานคำนวณตามความเหมาะสมใกล้เคียงกับราคาตลาด และอิงกับแนวทางการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน เมื่อทุกสัญญามีมาตรฐานจะทำให้มีรายได้เข้าสู่รัฐเพิ่มขึ้น จึงได้จัดกลุ่มการกำหนดอัตราผลตอบแทนใหม่ให้เหลือเพียง 3 กลุ่ม คือ เพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อเกษตรกรรม เพื่อพาณิชยกรรม คาดว่าจะประกาศใช้พร้อมกันทั่วประเทศภายในเดือนมกราคม 2560 ที่ผ่านมาตรวจสอบการใช้ประโยชน์ให้ถูกต้องของส่วนราชการตามวัตถุประสงค์แล้ว 643 แปลง จากทั้งหมด 797 แปลง เกิดรายได้เพิ่ม 9 ล้านบาท และการเช่าที่ราชพัสดุ ตรวจสอบแล้ว 2,470 แปลง จากทั้งหมด 3,191 แปลง ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น 24 ล้านบาท
ส่วนกรณี ครม.เห็นชอบให้คณะกรรมการกฤษฏีกาแก้ไขกฎหมายการเวนคืน เพื่อให้ส่วนราชการใช้ประโยชน์จากที่ดินการเวนคืนอย่างถูกต้องตรงกับวัตถุประสงค์การเวนคืน เมื่ออยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวกรมธนารักษ์จึงได้พับแผนการลงทุนพัฒนาที่บริเวณสถานีรถไฟมักกะสัน เพื่อชะลอโครงการดังกล่าวออกไปก่อน เมื่อมีการแก้ไขกฎหมายการเวนคืนที่ดินให้ครอบคุมการเวนคืนก่อนรัฐธรรมนูญปี 2521 และการเวนคืนที่ดินหลังรัฐธรรมนูญปี 2521 ให้มีความชัดเจน แล้วจึงค่อยนำกลับมาพิจารณา.- สำนักข่าวไทย