กทม. 4 พ.ย. – สมชัยโวยความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดกับสถาบันการศึกษาของรัฐ หลังประกาศ ป.ป.ช.ให้ นายกฯและ กก.สภามหาลัยแจงทรัพย์สิน ทั้งที่เป็นตำแหน่งนโยบาย ไม่ใช่บริหาร หวั่นชิงลาออก มีปัญหางานบริหารมหาลัยสะดุด อย่าทำแค่เอาหน้าชาวโลก
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร รักษาการแทนคณบดี สำนักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว แสดงความเห็นประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบางตำแหน่งต้องแจ้งทรัพย์สินแก่ ป.ป.ช.ที่ออกมาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งได้ครอบคลุมตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย และกรรมการสภามหาวิทยาลัย นอกจากตำแหน่งอธิการบดีและตำแหน่งรองอธิการบดีที่เคยต้องแจ้งมาในอดีต จนเป็นเหตุให้รองอธิการบดีของมหาวิทยาลัยรัฐบางแห่งประกาศลาออกยกทีม จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ อย่างไรก้ตามประกาศครั้งนี้ครอบคลุมกว้างไปถึงนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภา ซึ่งเป็นตำแหน่งในเชิงนโยบายกำกับการทำงานของอธิการบดีอีกทีหนึ่งความเหมาะสมของเรื่องดังกล่าว คือ สามารถไปบอกชาวโลกได้ว่า ประเทศของเราโปร่งใส แม้ตำแหน่งที่ไม่ใช่บริหารเพียงแค่กำกับนโยบาย เรายังบังคับให้แจ้งทรัพย์สิน
“ดูดีที่จะไปสื่อสารกับชาวโลก แต่รู้ไหมว่า กรรมการสภามหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง คือ ผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นเลยจากการทำงานประจำ บางท่านสูงอายุแต่ยังมากด้วยประสบการณ์และปรารถนาจะช่วยเหลือสร้างความเจริญให้แก่มหาวิทยาลัย จึงปวารณาตัวเข้ามาเป็นกรรมการสภา ด้วยเบี้ยประชุมไม่กี่พันบาท ไม่มีสิทธิพิเศษอะไร ไม่มีทีมงาน ไม่มีเลขาส่วนตัวที่จะมานั่งกรอกรายการบัญชีทรัพย์สินไม่ว่าจะมากหรือจะน้อย แถมยังต้องประกาศต่อสาธารณะว่ามีทรัพย์สินเท่าไร ไม่ว่าจะน้อยหรือจะมากก็คงไม่อยากประกาศให้โลกรู้”นายสมชัย ระบุ
รักษาการแทนคณบดีฯ ยังกล่าวว่า หากแจ้งไม่ครบ เช่น ยืมเพื่อนมาแต่มาโชว์ให้คนอื่นเห็น ก็เป็นเรื่องเป็นราวต้องแก้ตัวกันพัลวันเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยแก่สังคม หรือหากตกหล่นจริงอีกก็จะกลายเป็นความคดีอาญาถึงขั้นติดคุกได้ โดยมีเวลา 30 วันหลังจากประกาศ ป.ป.ช. หากไม่ยื่นก็ต้องลาออก เชื่อว่าวันนี้ใบลาออกของกรรมการสภามหาวิทยาลัยเกินกว่าครึ่งของกรรมการสภาทุกมหาวิทยาลัยคงพิมพ์เสร็จแล้ว เพื่อรอยื่นก่อนสิ้นเดือนนี้ เป็นการลาออกที่ไม่ใช่หนีการตรวจสอบ แต่เพราะรำคาญกับระบบที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่จำเป็นซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบได้.-สำนักข่าวไทย