ผู้การสั่งรื้อคดีเด็กหญิงรุมตบ 4 ต่อ 1 จนตกน้ำ

บึงกาฬ 1 พ.ย.-ผู้การบึงกาฬ สั่งตำรวจสอบสวนคดี เด็กหญิง 14 ปี 4 คน รุมตบ เด็กหญิง 16 ปี อีกครั้ง หลังมีคลิปเผยแพร่ในโซเชียล ขณะที่แม่ย้ำเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เรียกร้องพ่อ-แม่เด็กรับผิดชอบ


กรณีที่เฟซบุ๊ก  Social Hunter V.ss เผยแพร่เรื่องราวเด็กวัยรุ่นกลุ่ม 1 ราว 4-5 คนกำลังร้ายร่างกายคู่กรณีหญิงวัย 16 ปี แคปชั่น นี้หรอสังคมไทย น้องสาวโดนรุมตี 4 ต่อ 1 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2561 พร้อมระบุ ว่าไงครับ สภ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ทำไรมากกว่านี้ไม่ได้หรอ เอาพ่อแม่มัน มารับแทนซิ #เลี้ยงลูกไม่ใช่แค่สอนให้มันดีควรดูแลพฤติกรรมมันด้วย


หลังมีกระแสจากสังคม ล่าสุด พล.ต.ต.ทิวา บุญดำเนิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง สนง.คุมประพฤติจังหวัดบึงกาฬ ยุติธรรมจังหวัด ฝ่ายปกครองอำเภอโซ่พิสัย ลงพื้นที่สภ.โซ่พิสัย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีดังกล่าวเกิดเหตุขึ้นเมื่อวันที่ 24 ต.ค.61 นางประนอม อายุ 47 ปี ได้พา ลูกสาว อายุ 16 ปี เข้าแจ้งความว่าถูกกลุ่มเด็กหญิงวัยรุ่น 4-5 คน รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ จึงส่งตัวไปให้แพทย์ รพ.โซ่พิสัย ทำการตรวจร่างกาย ผลการตรวจของหมอออกมาว่าไม่พบบาดแผล พบกล้ามเนื้ออักเสบบางแห่ง ไม่มีกระดูกหักรักษาด้วยการให้ยา 3-5 วันคงปกติ จากนั้นได้ติดตามกลุ่มที่รุมทำร้ายมาสอบปากคำ และต้องลงกัน ซึ่งในวันนั้นทั้ง 2 ฝ่ายยินยอมไม่เอาเรื่องกันขอแค่เพียงให้อีกฝ่ายที่ถูกกระทำได้อบรมนิสัยเท่านั้น ซึ่งคลิปเห็นการณ์ที่รุมทำร้ายกันในวันนั้นไม่มี เมื่อตกลงกันได้ก็ปล่อยให้กับบ้านทั้งสองฝ่าย

พล.ต.ต.ทิวา บุญดำเนิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลและรับฟังคดีและตรวจดูคลิปจากร้อยเวรเรียบร้อยแล้ว จึงสั่งการให้ตำรวจสอบสวนคดีขึ้นใหม่ โดยนำตัวเยาวชนทั้ง 4 มาดำเนินคดีทางกฎหมายเพราะเป็นความผิดชัดเจน และจะได้เรียกผู้เสียหายมาสอบสวนอีกครั้ง ถึงข้อเท็จจริงในวันนั้นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามคลิปมีมากกว่านั้นหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นตั้งข้อหาเยาวชนหญิงทั้ง 4 คน(อายุ 13 จำนวน 1 คนและอายุ 14 จำนวน 3 คน)ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บและส่งให้สถานพินิจควบคุมตัว ส่วนคนที่เหลือจะเรียกมาสอบสวนอีก หากมีความผิดก็จะดำเนินการเช่นกัน สอบถามเด็กทั้ง 4 คน รับว่าไม่ได้โพสต์คลิปดังกล่าว เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทีที่ส่งไปเยาะเย้ยกัน จนทำให้พี่สาวเห็นว่าการกระทำดังกล่าวแล้วไม่พอใจ  จึงโพสต์ผ่านโซเซียลตามที่เป็นข่าวออกไป ซึ่งตำรวจ สภ.โซ่พิสัย กระทำตามขั้นตอนทุกอย่างเมื่อตกลงกันได้ ก็ปล่อยกับบ้าน แต่คลิปที่ออกมาทีหลังเป็นหลักฐานชัดที่จะแจ้งความผู้กระทำผิด และดำเนินการตามกฎหมายกับคนที่เกี่ยวข้องต่อไป 


หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “หมูน้อย ตัวอ้วน” โพสต์คลิปพร้อมเล่าเหตุการณ์น้องสาวของเธอถูกกลุ่มวัยรุ่นหญิงรุมทำร้ายร่างกายจนสะบักสะบอม โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา เธอพาน้องสาวกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แล้วไปช่วยเพื่อนหยอดน้ำกรดที่สวนยาง จากนั้นมีเพื่อนมารับไปกินส้มตำ พอกินเสร็จเพื่อนก็พาน้องสาวที่อ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่ง อ้างว่านัดกับเพื่อนไว้ แต่พอไปถึงก็ไม่เห็นใคร น้องสาวจึงบอกเพื่อนว่าขอกลับบ้าน แต่แล้วก็มีกลุ่มผู้หญิงอายุประมาณ 14-15 ปี 4 คน ขี่รถจยย.มาหาน้องสาวแล้วบอกว่าลูกพี่สั่งให้มาจัดการ จากนั้นก็รุมตบตี ทำร้ายร่างกาย โดยที่น้องสาวไม่มีทางสู้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ต.ค.61 พื้นที่ สภ.โซ่พิสัย 

น.ส.มายด์ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ทราบว่าวันเกิดเหตุตนกลับบ้าน ที่ จ.บึงกาฬ เพื่อนชวนไปทานข้าวเที่ยง หลังจากทานข้าวเสร็จเพื่อนคนดังกล่าวได้บอกกับตนว่ามีเพื่อนคนหนึ่งรอเจออยู่ เป็นเพื่อนสนิท เมื่อตนไปตามที่บอกแต่ไม่เจอ แต่มีกลุ่มคนที่รุมทำร้ายขับรถจยย.มา เข้ามาถามตนว่าจะเอายังไงลูกพี่เขาสั่งมา ไม่จัดไม่ได้แล้ว และถามตนว่าจะเอาเดี่ยวหรือรุม ตนก็พยายามจะขอตัวกลับบ้าน แต่กลุ่มนั้นก็รุม ตนและเพื่อนที่พาไปไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน เมื่อก่อนก็สนิทกันรู้จักกันเรียนหนังสือโรงเรียนเดียวกัน ปกติเมื่อก่อนตนอยู่ที่ จ.บึงกาฬ เพิ่งจะย้ายมาอยู่ จ.นนทบุรี ได้ 1 ปี ตอนนี้ตนไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว คนกลุ่มนั้นไม่ได้บอกว่ามาทำร้ายตนทำไมแต่บอกแค่ว่าลูกพี่เขาสั่งมาแค่นั้น เพื่อนตนที่ไปด้วยก็ไม่กล้าช่วยเพราะกลัวเด็กกลุ่มนั้นทำร้ายเหมือนกัน ตนถูกทำร้ายเป็นรอยข่วนและช้ำตามร่างกาย ตนได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ แต่เอาผิดเขาไม่ได้เพราะตำรวจบอกว่ากลุ่มเขาอายุไม่ถึง 18 ปี แม่หลังเห็นคลิปภายหลัง แม่เสียใจมาก ร้องไห้ แม่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และจะไปแจ้งความอีก สภาพจิตใจตนตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แต่คนกลุ่มนั้นก็ยังส่งแชทมาข่มขู่ว่าถ้าเจออีกตายแน่ ตนเสียความรู้สึกที่ไว้ใจเพื่อนมาก ตอนนี้กลัวไม่กล้าที่กลับไปบ้าน อยากให้ตำรวจทำคดีนี้ให้ยุติธรรม เพราะตนเจ็บตัวฟรี อยากเตือนเพื่อนๆหรือน้องๆว่าอย่าไปทำแบบนี้กับใครให้คิดว่าเป็นตัวเอง ส่วนเรื่องคดีต้องถามแม่และพี่สาวว่าจะทำอย่างไรต่อ ส่วนสาเหตุน่าจะเป็นเรื่องที่แฟนเก่าของแฟนที่ตนเลิกไปสั่งคนมาทำร้ายตน

ด้าน นางประนอม เหล่าสุนา อายุ 48 ปี มารดาน้องมายด์ เปิดเผยว่า เด็กกลุ่มที่ทำความรุนแรงกับลูกตน ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ครั้งแรกที่แจ้งความลงบันทึกประจำวันครั้งแรกเพราะตนอยากให้โอกาสเด็ก หลังจากกลับมาที่ จ.นนทบุรี ตนจึงเห็นคลิปที่ลูกถูกทำร้าย ตนเสียใจมากอยากให้พ่อแม่เด็กออกมารับผิดชอบเรื่องนี้ ตนไม่ได้อยากได้เงิน ตนอยากให้เด็กกลุ่มนี้ถูกดำเนินคดี เพราะอายุแค่ 14 ปียังทำแบบนี้ โตขึ้นจะเป็นอย่างไร อาการลูกตนมีใบแพทย์ออกมาว่ามีร่องรอยทำร้ายและเส้นเลือดในสมองช้ำ ครั้งแรกที่กลุ่มเด็กมาที่โรงพักตนไม่ได้พูดคุยกับคู่กรณี ทางตำรวจแจ้งแค่เรื่องทะเลาะวิวาท ลูกตนก็ถูกทำร้ายฟรี ถ้าถูกกดน้ำตายไปจะทำอย่างไร หลังสอบสวนเสร็จก็แยกย้ายไป และไม่มีการขอโทษ หลังจากเห็นคลิปตนยอมไม่ได้ ถ้าเป็นลูกเขาจะทำอย่างไร ตนจะกลับไปแจ้งความและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไปทุกหน่วยงานที่ไปได้ ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากรุ่นพี่คนหนึ่ง สามีเขาได้มาติดต่อกับน้องมายด์แต่หลังจากนั้นน้องมายด์ก็ย้ายมาอยู่นนทบุรี คนชื่อมิลล์หาว่าน้องมายด์แย่งสามีเขา แต่ตนยืนยันว่าน้องมายด์ไม่เคยติดต่อกับผู้ชายคนนั้น เพราะหลังจากออกจากโรงเรียนตนได้พาน้องมายด์มาอยู่ที่นี่ ไม่ได้เจอกับผู้ชายคนนั้น อยากให้ผู้ปกครองเด็กกลุ่มนั้นดูแลลูกและสั่งสอนลูกให้ดีกว่านี้ ตนอยากได้ความยุติธรรมให้ลูกตน ตนไม่อยากได้เงิน หลังจากตนไปแจ้งความยังมีการเขียนข่มขู่มาอีกและหาว่าตนกระจอกมากที่เดินเรื่องให้ลูกได้แค่นี้ ตำรวจที่นั้นก็เฉยเมย ตนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดตนรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันรุนแรงเกินไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย

เก๋งแต่งซิ่ง เสียหลักพุ่งชนยับ 10 คันรวดบนทางด่วน

กทม. 16 ส.ค.-เก๋งแต่งซิ่งประลองความเร็ว เสียหลักพุ่งชนกันยับ 10 คันรวดบนทางด่วนมุ่งหน้าบางปะอิน เจ้าของรถบีเอ็ม เล่านาทีถูกชน เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันจำนวนหลายคัน บนทางด่วนช่วงทางขึ้นเมืองทองธานี มุ่งหน้าบางปะอิน โดยภาพจากกล้องหน้ารถยนต์คันหนึ่งบันทึกภาพเวลา 00.59 น.วันนี้ (16 ส.ค.68) รถเก๋งสีขาวจำนวน 3 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วก่อนเกิดการชนกัน ทำให้รถเสียหลักหมุน ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามมาพุ่งชนซ้ำอีกหลายคัน บางคันเกือบตกทางด่วน หลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษ เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งแต่งซิ่งประมาณ 10 คัน บางคันเป็นรถหรูราคาแพง ได้รับความเสียหายยับเยิน กีดขวางทั้ง 2 ช่องจราจร มีเศษชิ้นส่วนของรถยนต์ที่แตกและหลุดกระจายเต็มพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรปากเกร็ดและเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษได้ประสานรถยกเร่งเคลื่อนย้ายรถที่เสียหายออกพร้อมทำความสะอาดคราบน้ำมันและชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อเปิดการจราจรใช้เวลากว่า 3 ชม. จากการสอบถาม นายอชิตพล อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์บีเอ็ม ที่ถูกชนกล่าวว่า ตนขับรถไปรับแฟนมาจากที่ทำงาน เพื่อจะเดินทางกลับบ้านย่านธรรมศาสตร์รังสิต ขณะที่ขับรถอยู่ในช่องทางขวา เห็นรถเก๋งสีขาวที่ขับตามมาด้วยความเร็ว ตนจะเปลี่ยนเลนหลบไปในช่องทางซ้าย แต่ก็ถูกรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งชนท้ายก่อนที่รถจะเสียหลักหมุน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถอีกคันที่ขับตามกันมาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง […]

‘ทรัมป์’ – ‘ปูติน’ หารือไร้ข้อสรุปเรื่องยุติสงครามในยูเครน

แองเคอเรจ, อะแลสกา 15 ส.ค. – การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติหรือพักรบสงครามในยูเครน แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกล่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม หลังจากการประชุมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ในอะแลสกา ผู้นำทั้งสองได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยระบุว่ามีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถาม นายทรัมป์ซึ่งปกติเป็นคนช่างพูด กลับเพิกเฉยต่อคำถามที่นักข่าวตะโกนถาม นายทรัมป์กล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้าง แต่จะยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลง ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้นำไปสู่การดำเนินการที่มีความหมายเพื่อหยุดยิงในความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายทรัมป์ได้ตั้งไว้ก่อนการประชุม แต่เพียงแค่การได้นั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ถือเป็นชัยชนะสำหรับนายปูตินแล้ว หลังจากเขาถูกผู้นำชาติตะวันตกกีดกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 หลังการประชุมสุดยอด นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่าเขาจะชะลอการกำหนดภาษีนำเข้ากับจีนสำหรับการซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังจากที่การเจรจากับนายปูตินมีความคืบหน้า นายทรัมป์ยังเคยขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แม้ว่านายปูตินจะเพิกเฉยต่อเส้นตายหยุดยิงที่นายทรัมป์กำหนดไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ นายทรัมป์ยังได้เสนอแนะว่าจะมีการจัดการประชุมระหว่างนายปูตินและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี […]

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย